สัปดาห์สุดท้ายแล้วจ้า
วันจันทร์เราเรียนภาษาอังกฤษกับ Mrs. Wood กัน Mrs.Wood ให้เล่นเกมตอบคำถามจากคำใบ้ แบ่งกันเป็น 3 กลุ่ม แข่งกันตอบสนุกสนานจนเสียงดังทะลุไปห้องข้างๆปริมซึ่งเป็นผู้นำในการเล่น Ripstik ที่เมื่อวันอาทิตย์ล้มเป็นคนแรก (ตอนนั้นเอามาให้ดูแต่แผลถลอกที่ข้อศอก) มาบอกว่าเจ็บที่ข้อมือ ครูป้านเลยโทรไปนัดหมอ ได้เวลานัดตอน 11 โมง พอดีเรียนอังกฤษเสร็จก็พาไปหาหมอใกล้ๆโรงเรียน X-ray เสร็จให้กลับมาฟังผลใหม่ตอนบ่ายสามโมง ผลออกมากระดูกไม่เป็นอะไร แต่คุณหมอบอกว่าที่ข้อมือมีกระดูกอยู่ชิ้นนึงที่เวลาแตกหรือหักจะมองไม่เห็น ด้วยการ X-ray ต้องรอ 7 วันไปแล้วจึงจะเห็น คุณหมอเกรงว่ากระดูกจะแตกแล้วไม่เห็นเลยขอให้ใส่เฝืือกไว้ก่อน อีก 7 วันให้ไป x-ray ใหม่ ตอนนี้เราเลยมีเด็กใส่เฝือก 2 คน ตกเย็นเอยโทรมาเช็คกับครูป้านว่าปริมเป็นไงบ้าง เอยชอบใจที่มีเพื่อน
ตอนบ่ายครูป้านไปขอถ่ายรูปหมู่แต่ละห้องเรียน ถ่ายมาได้ 2 ห้อง รู้สึกเกรงใจคุณครูอย่างมากเพราะไปรบกวนการเรียนเค้า เลยเปลี่ยนใจหยุดไว้แค่นั้น แล้วไปแจ้งครูใหญ่ให้นัดหมายคุณครูทุกห้องไว้ล่วงหน้าว่าครูป้านจะไปถ่ายรูป ตอนบ่ายวันพุธ (ดีกว่าเนอะ)
วันอังคารเราขึ้นรถเมล์ไป Mooloolaba กันตอนเก้าโมงเช้า ครูป้านขอให้วิกกี้เอารถตามไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน ครูป้านให้เด็กๆเอากระเป๋าไปใส่ในรถวิกกี้จะได้ไม่ต้องแบก และให้เอยกับปริมได้รับสิทธิพิเศษนั่งรถไปกับวิกกี้
เมื่อรถเมล์มาจอด ครูป้านมอบหมายให้พี่แพรวหัวหน้าแก๊ง Godmotherไปสอบถามราคากับคนขับรถเมล์ และ็แจ้งให้น้องๆทราบ คนขับต้องเก็บเงินพวกเราทุกคนทั้งโขยงให้เสร็จจึงจะออกรถได้ ซึ่งใช้เวลานานมากพอควร คนที่นั่งอยู่ในรถคงรอจนระอา รถว่างพวกเราได้ที่นั่งกันทุกคน แถมเสียงดังสุดๆ สักพักพี่แพรวก็เดินไปบอกคนขับว่าถึง Mooloolaba แล้วให้บอกด้วย (กล้าหาญไม๊??)
พี่แพรวนั้นจัดอยู่ในประเภทพวกเรียนแกรมม่าเยอะ เวลาพูดอังกฤษต้องเรียงประโยคตามแกรมม่าก่อน ใช้เวลาคิดนานทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้ี่พี่แพรวกล้าขึ้นเยอะ และพูดคล่องขึ้น น่าจะให้อยู่ต่อสัก 6 เดือน
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง Mooloolaba (อ่านออกเสียงว่า มะ-ลู-ละ-บ่ะ ส่วน Kawana ออกเสียงว่า คว้า-น่า) เราลงรถเมล์ที่ Underwater World ครูป้านถามเด็กๆว่าใครอยากดูบ้าง ค่าเข้าชม 18 ดอลล่า มีคนต้องการเข้าชม Underwater World 7 คน คือ เอย ปริน ป๊อป หลุยส์ มินท์ แบมบี้ เร ครูป้านนัดให้วิกกี้มารับกรุ๊ปนี้ตอนเที่ยง ส่วนครูป้านไปกับเด็กที่เหลือ เราไปเดินเล่นตามร้านค้าต่างๆ ริมทะเล เดินไปเดินมาชักหิว เจออะไรที่พอวางกล่องอาหารได้ก็หยุดพักโซ้ยอาหารกลางวันกันที่ริมฟุตบาทนั่น แหละค่ะ ต้นไทร โอม และครูป้าน ไม่ได้เอา Lunch Box มา ต้นไทรนั้นหวังจะมาหาอะไรอร่อยๆกินข้่างนอก ส่วนโอมลืมเอามา โชคร้ายหน่อย ตรงจุดที่เราแวะทานกลางวันกันไม่มีของกินขายเลย ครูป้านเลยบอกให้อดทนไปก่อน จนกระทั่งเราเดินไปถึง Coles Supermarket ครูป้านรีบเดินเข้าไปดูว่ามีอะไรกินบ้าง เจอไก่อบแพ็คครึ่งตัวใหญ่เลยซื้อมาแบ่งกัน 3 คน ก็นั่งกินกันหน้า Supermarket นั่นแหละ ไก่พึ่งอบเสร็จร้อนๆอร่อยมากค่ะ พอเด็กๆคนอื่นเห็นอยากกินกันบ้าง เลยเป็นไก่ร่วมสาบานของพวกเราทุกคน
วันนี้เด็กๆหลายคนเริ่มพูดเรื่องเงินที่ใกล้จะหมด แต่ยังอยากซื้อของอยู่ ครูป้านสั่งให้ทุกคนเหลือเงินไว้คนละ 50 ดอลล่าสำหรับใช้วันสุดท้าย บางคนหักห้ามใจได้ก็จะไม่บ่นอยากได้อะไรและอดทนได้เป็นอย่างดี บางคนก็บ่นกระปอดกระแปด ครูป้านก็จะสอนว่าครูป้านเตือนหนูแล้วนะก่อนที่หนูจะซื้อของ ว่าให้วางแผนดีๆ
วิกกี้พาพวกที่ไป Underwater World มาสมทบกับเราที่ Coles Supermarket เด็กๆที่ไป Underwater World เอารูปถ่าย (รูปหมู่ background เป็น Aquarium) มาให้ครูป้าน บอกว่าช่วยกันออกเงินซื้อรูปราคา 12 ดอลล่า อยากให้ครูป้านเอาไปวางที่ KAS ขอบคุณจริงๆค่ะ เด๋วครูป้านจะเอาไป scan และ print มาให้เด็กๆทั้ง 7 คนนะคะ
พวกเราไปถล่มซื้อเจ้าหลอด Flavour Straws กัน กวาดกันมาหมด Shelf (ไม่ได้ล้อเล่นนะ) เพราะมันลดราคาถูกกว่าที่ Woolworths ค่ะ
จากนั้นเราพากันลงไปเดินเล่นชายหาดกันอีกสักชั่วโมง วันนี้ท้องฟ้้ามืดคลึ้ม อากาศเย็น คลื่นก็แรงครูป้านเลยไม่ให้เล่นน้ำ พวกตั้งใจมาเล่นน้ำบ่นกันยกใหญ่ เด็กๆก็เพลิดเพลินกันดีค่ะกับการเล่นทรายและเดินชมวิว บ่ายสองโมงเราเดินไปขึ้นรถเมล์กัน คราวนี้ไม่ต้องจ่ายตังเพราะเราซื้อตั๋วไปกลับไว้แล้ว เลยเร็วหน่อย พลขับแซวครูป้านว่า very big family เรื่องเสียงดังนั้นขากลับยิ่งดังกว่าเดิมค่ะ น่าสงสารผู้โดยสารคนอื่นๆ และพลขับ 555 ส่วนนักเรียน VIP ของเราคือเอยกับปริมก็ขึ้นรถวิกกี้กลับเหมือนเดิมค่ะ
วันพุธนี่ช่างยุ่งจริง ครูป้านเดินไปเดินมารวมแล้วคงหลายกิโลอยู่ ขาดรูปหมู่ของห้องบิวตี้กับปริมเท่านั้น เพราะไปทีไรก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันอยู่ทุกที พรุ่งนี้ครูป้านต้องจัดการให้สำมะเร็จ
วันพฤหัสฯ เป็นวันอำลาค่าย ครูป้านจะขอเปิดเผยโฉมหน้าเด็กที่ Homesick ของ Trip นี้ หน่อยนะคะ