KAS BLOG

สวัสดีค่ะ ครูหญิงพานักเรียนที่น่ารักทั้งสิบคนมารายงานตัวแล้ววว ^^ พวกเรามาถึงที่ London Heathrow Airport อย่างปลอดภัยไร้กังวล เวลาประมาณได้เกือบๆสองทุ่มค่ะ เมื่อครูหญิงพาเดินมาถึง ตม. เข้าแถวไปสักพัก เจ้าหน้าที่เห็นหน้าตาเราคล้ายๆกันสิบคน ก็เข้ามาถามว่า พวกเราเป็นกรุ๊ปใช่ไหม มากี่คน แล้วก็พาเราไปตั้งแถวใหม่ (พิเศษเฉพาะพวกเรา อิอิ) ครูหญิงตอบคำถามทั้งหมดคนแรก หลังจากนั้นเด็กๆทุกคนก็ผ่านมาอย่างง่ายดายไม่ต้องตอบคำถามเพิ่มเติม ^^ เตรียมตัวรับกระเป๋า  แต่….”ครูครับผมเมาเครื่อง” ปรุงตรงดิ่งเข้ามาบอกกครู ครูเลยให้ปรานนั่งพักอยู่กับปรุงก่อน เพราะเดี๋ยวครูและเพื่อนๆจะลากกระเป๋ามาให้จ้า จากนั้นครูหญิงก็ไม่ลืมที่จะพาเด็กๆไปซื้อซิมพร้อม Activate ให้เสร็จสรรพ..เยี่ยมไปเลย! แล้วตามด้วยการจองรถไปโรงแรมที่แสนสะดวกสบาย แต่ระหว่างทางมีอยู่คนนึงไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่เลย…น้องปรุงนั่นเอง ยังเมาเครื่องอยู่ พอขึ้นรถต่อเลยยิ่งออกอาการ น่าสงสารมาก T^T แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี

เมื่อมาถึงโรงแรมครูหญิงก็รีบเช็คอินทันที แยกย้ายกันเข้าห้องพัก นัดเวลาทานอาหารเช้าตอนแปดโมงครึ่ง และนัดเจอพร้อมสัมภาระตอนเก้าโมงครึ่ง ครูหญิงย้ำแล้วย้ำอีกเพราะกลัวเด็กๆจะหลับกันเพลิน ที่ไหนได้…”ครูครับผมตื่นตั้งแต่ตี 2 แล้วก็นอนไม่หลับแล้วครับ เจ๊บถีบผมด้วย” โชคเล่าให้ฟังใหญ่เลย“แฟลชละเมอด้วยครับครู” เจ๊บช่วยเล่าไปด้วย “ผมละเมอจริงครับ แต่ผมตื่นเพราะเสียงสองคนนี้แหละครู” แฟลชเสริมอีกหน่อย (แหมๆยังไม่ทันไร เผากันเองซะแล้วว อิอิ) ส่วนปรุง ปราน ซิน ก็ตื่นแต่ตีสามเหมือนกันค่ะ “มันนอนไม่หลับอ่ะครับครู” ปรานบอก สาวน้อยทั้ง 4 ก็เสริมมาว่า “หนูตั้งนาฬิกา 7 โมง20 แต่ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกอีกค่ะ 6 โมงนิดๆ” นิชากับมิลบอกครู “หนูด้วยค่ะครู” ฟ้าและกันเสริม  เกิดอาการ Jet Lack กันทุกคนค้า เด็กๆเล่าให้ฟังระหว่างนั่งรอรถมารับไป Kingswood ค่ะ เด็กทุกๆคนต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “อาหารอร่อย ที่นอนก็หลับสบายมากกกค้า ^^

ได้เวลานัดหมายแล้วค่ะ ก่อนไป Kingswood เราไปทัวร์ City Tour ชม Big Ben, Buckingham Palace, London Eye เรียกน้ำย่อยเด็กๆก่อนค่ะ แต่กว่าจะถึงตัวเมืองลอนดอนก็เกือบชั่วโมงเลยค่ะ คุณลุงคนขับบอกว่า เวลาในการเดินทางขึ้นอยู่กับการจราจรค่ะ แต่เด็กๆก็พากันถ่ายรูปตลอดทางเลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นครูหญิงก็พาเด็กๆเดินไป Covent Garden คนเยอะมากกก มีโชว์เปิดหมวกต่างๆ น่าสนุกดีค่ะ ให้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง (ครูหญิงขออนุญาตเรียกสาวทั้ง 4 ว่า “ผู้หญิง” และหนุ่มทั้ง 6 ว่า “ผู้ชาย” นะคะ) กลุ่มผู้หญิงก็พากันเดินไปชมร้านค้าต่างๆ ได้พายไก่เป็นอาหารกลางวัน ส่วนผู้ชายก็เดินๆไปแล้วก็บอกว่า “ครูคนเยอะอ่ะ ไม่รู้จะเดินทางไหนก่อน แล้วก็หิวแล้วด้วยครับ” ครูหญิงก็เลยพาไปทาน McDonald กันอิ่มเลยจ้า เด็กๆ ทั้งสองกลุ่มสนิทกันมากค่ะ  ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีน้ำใจแบ่งปันให้กัน จะไปไหนก็รอกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ครูหญิงเห็นแล้วปลื้มปริ่มค่ะ ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน แต่ก็สร้างสัมพันธไมตรีได้เป็นอย่างดี มีเพื่อนเพิ่มไปอีกหลายคนเลยค่ะ ทริปนี้….. และก็มาถึงท่าเรือแล้วค่ะ พวกเรากำลังจะขึ้น Ferry ข้ามไป Isle of Wight เกาะที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษค่ะ ตอนอยู่บน Ferry สามารถลงจากรถแล้วขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ด้านบนของเรือได้ มีอาหาร เครื่องดื่มขายด้วยค่ะ แต่เด็กๆยังไม่หิว ครูหญิงก็เลยพาออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ด้านบนสุดของเรือ ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล อากาศที่หนาวจับใจ บวกกับลมเย็นๆที่พัดมาปะทะใบหน้า เด็กๆพ่นควันออกปากกันใหญ่ 555 “ชอบมากเลยค่ะครู ถึงจะหนาวแต่ก็ชอบที่สุดเลยค่ะ ธรรมชาติสวยงามมากกก” นิชาชอบใหญ่ ส่วนกันก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อยค่า “ถึงจะหนาวแต่หนูก็ไม่กลัวค่ะ หนูชอบบบ” ผู้ชายก็พากันถ่ายรูป ชื่นชมทะเลกันใหญ่ เจ๊บถาม “นี่มัน 12 องศาแน่หรอครู พยากรณ์อากาศมันโกหกป่าวทำไมมันหนาวงี้” หนุ่มๆ คุยกัน ครูละขำตาม 5555 ครูเนี่ยสิ หนาวจนชาไปทั้งตัวแล้วจ้า เข้าข้างในกันเถอะ เห็นปรานเข้ามาก่อน ครูเลยแซว “หนาวล่ะสิ” ปรานรีบพยักหน้าบอก “หนาวมากครับครู” ^^

ถึง Kingswood แล้ววว เย้!!!!! เป็นเวลา หกโมงเย็นนิดๆพอดี เด็กๆลากกระเป๋ามาที่บ้านพักของเราชื่อว่า House of Mclvers ซึ่งอยู่ใกล้กับ Reception มากกก ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกลเลย ยอดเยี่ยม เวลามีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที  มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยนะคะทั้งผู้หญิง ผู้ชาย จัดห้องให้ครูและเด็กๆทุกคน ผู้หญิงอยู่ชั้นสอง ส่วนผู้ชายตอนแรกจัดให้อยู่ห้องละ 2 คน แต่พอเห็นขนาดห้อง ผู้ชายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ห้องสองเตียงมันเล็กมากครับครู พวกผมขอนอนด้วยกันหมดเลยครับครู อบอุ่นดี” ลองคิดดูสิคะ หนุ่มๆอยู่รวมกัน สภาพห้องจะเป็นอย่างไร อิอิ (ตามภาพเลยค่ะ) แล้วทำไมต้องเอาที่นอนลงมาจากเตียงเค้าด้วยล่ะ ได้ความว่า เจ๊บกลัวผี ก็เลยเอาที่นอนลงมานอนติดๆกัน อ่อ ครูเข้าใจละ แต่ก่อนกลับอย่าลืมยกเก็บเข้าที่เดิมนะคะ ครูหญิงก็ทิ้งท้ายไว้ว่ารีบๆนอนนะคะ ปิดไฟด้วย หนุ่มๆแย้งขึ้นมาอีก ปิดไม่ได้ครับครู เจ๊บกลัวความมืด พวกเราตกลงกันแล้วครับ 555 ครูเข้าใจละทำไมเจ็บถึงนอนอยู่ระหว่างเพื่อนๆ อิอิ พูดถึงอาหารเย็น ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่อาจเป็นเพราะเดินทางมาเหนื่อย ผู้หญิงบ่นอุบ แต่ผู้ชายทานเรียบค่ะ ยกเว้น เจ๊บ เจ๊บทานน้อยเพราะอยากลดความอ้วน “ผมชอบกินผัก กินสลัดครับครู“ถึงจะไม่อร่อย แต่ก็ทานได้ค่ะ” ดีมากค่ะเด็กๆ

29 March

เช้าวันแรกของที่นี่ ฝนตกพรำๆ อากาศหนาวสุดๆ เดินมาทานข้าวเช้าตอน 8.30 ค่ะ เป็นเวลาทานข้าวประจำของกรุ๊ปเราค่ะ เด็กๆบอกว่า อร่อยกว่าเมื่อคืนอีกค่ะครู มีซีเรียล คอนเฟร็ก ธัญพืช มูสลี่ นม พร้อมสลัดบาร์ด้วยค่ะ … ใช่สิ..นอนเต็มอิ่มแล้วหนิ  อะไรๆก็อร่อย  เด็กๆบอกว่าเมื่อคืนหลับสนิทและสบายมากค่ะ วันนี้เป็นวันที่เวลาเปลี่ยนวันแรกด้วยค่ะ สับสนไปหมด ครูเข้าใจว่าเวลาครูเปลี่ยนแล้ว ที่ไหนได้ มิลแนะนำครูให้ไปถาม Reception ดีกว่า สรุปว่า ครูเข้าใจผิดค่ะ (ครูขอโทษษษ…) เกือบไปทานข้าวสายแน่ะ

มาที่กิจกรรมวันแรก เราไป The Needles Park & Alum Bay เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเขา ได้ดูวิธีการทำแก้วรูปร่างต่างๆ สวยงามเลอค่ามากๆค่ะ ฟ้า กัน นิชา เลยได้ของฝากติดมือมาด้วยค่ะ มันสวยมากค่ะครู ส่วนมิลขอเป็นของกินค่ะครู อิอิ หนุ่มๆก็ชื่นชม จับนู่น ดูนี่ ครูหญิงบอก จับดีๆน๊า ระวังหล่น เสียตังเองนะคะ หนุ่มๆก็ค่อยๆวาง กลัวแตกครับ แหะๆ  หลังจากนั้น ก็ไปดูโรงงานและวิธีทำลูกอมซึ่งเปรียบเสมือน Signature ของที่นี่เลยค่ะ เด็กๆตั้งใจดูกันมากค่ะ พอเสร็จแล้วมีเอาออกมาให้ชิมด้วยค่ะ เป็นลูกอมรสมิ้นท์รสชาติคล้ายๆมายมิ้นท์บ้านเราค่ะ มิลกับนิชาก็เลยได้ขนมติดมือมาด้วย ปรุงปรานได้ช็อกโกแลตติดมือมาด้วยค่ะ ส่วนที่เหลือ ครูลองซื้อให้ชิม 1 กระปุก “นึกว่าจะอ่อน แข็งมาก” 555 ครูก็คิดอย่างนั้นน่ะ อ้ออ ลืมบอกไปว่าเรามีGroup Leader ที่พาไปเที่ยวด้วยชื่อ Russell ตุ้ยนุ้ย เฟรนด์ลี่ ขี้เล่นมากค่ะ แกล้งเด็กๆให้หัวเราะตลอด ก็ซินน่ะสิ ไปตั้งฉายาเค้าว่า Snail ซินบอกว่า “เค้ายัดอะไรไปในกระเป๋าไม่รู้เหมือนหอยทากอ่ะครู” อ่ออ เข้าใจละ ได้เวลาข้าวเที่ยงเราก็จัดแซนวิชทั้งแฮมทั้งชีสที่ทางแคมป์จัดมาให้เต็มอิ่มกันเลยทีเดียว พร้อมขนมและแอปเปิ้ลค่ะ  ตอนแรกจะทำกิจกรรมที่นี่ด้วย แต่ด้วยลมแรงสุดๆ แถมฝนตกพรำๆด้วย เลยต้องยกเลิกกิจกรรมนั้นไป เพราะเค้าบอกว่ามันอันตรายค่ะ แต่มีสถานที่อื่นมาชดเชยนะคะ นั่นก็คือ Sandown Peir เป็นท่าเรือเล็กๆของที่นี่ค่ะ มี Shop ให้เดินบ้างเล็กน้อย แต่ไปหยุดที่ร้านสะดวกซื้อชื่อว่า Saintbury ค่ะ มิลได้ช็อกโกแลตไปหลายอันค่ะ ของโปรดเค้าล่ะ กันได้ไข่อีสเตอร์ไปหนึ่งใบ “หนูอยากรู้ว่าข้างในมันมีอะไรค่ะ“ เป็นตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวเล็กๆน่ารักเชียว นิชาก็มีขนมติดมือไปด้วย ส่วนฟ้าไม่รู้จะซื้ออะไรเอาไว้ก่อนละกัน มาถึงผู้ชาย โชคได้น้ำไปหนึ่งขวด บอกว่าจะเอาไว้กรอกน้ำครับครู ปรุงปรานก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมติดมือมาอีกเช่นกันค่ะ หนุ่มๆที่เหลือ แฟลช เจ๊บ ซิน “ผมไม่รู้จะซื้ออะไรอ่ะครับ เอาไว้ซื้อวันอื่น “หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นชายหาดSandown ด้วยความที่อากาศหนาวมากกกๆๆ ที่สุด จน Russell สังเกตได้ ก็ไม่รีรอที่จะเล่นวิ่งไล่จับกันแก้หนาวค่ะ ครูหญิงก็เล่นด้วยนะคะ วิ่งกันทรายกระจายยย ครูหญิงไม่พลาดเก็บภาพมาฝากค้า  ได้เวลากลับแคมป์แล้วจ้า มาถึงก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี เย็นนี้มีน่องไก่ ซัดกันไปคนละ 2-3 น่องเลยค่ะ ต้องขออภัยที่ไม่ได้เก็บรูปตอนทานอาหารมาฝาก มันไม่ทันจริงๆค่ะ แต่ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอนค่ะ กิจกรรมตอนเย็นมีว่ายน้ำในสระน้ำอุ่นค่ะ ตอนแรกเด็กๆจะไม่ลงเพราะกลัวเป็นน้ำเย็น แต่พอถาม Camp Coach เค้าบอกว่าเป็นน้ำอุ่น ไม่รีรอค่ะ ไปๆๆว่ายครับ ว่ายค่ะ ครู ^^ ครูหญิงมีภาพมาฝากค่ะ สังเกตตอนโพสท่าถ่ายรูป กับตอนเผลเอาละกันค่ะ ว่าแต่ละคนจะหลุด และรั่วแค่ไหน อิอิ (ครูหญิงไม่เผาน๊า ลงรูปเฉยๆๆๆ 555)

30 March

วันนี้มีทริปสั้นๆ ครึ่งวันค่ะ ที่ Osborne House ที่นี่เป็นวังฤดูร้อนของ Queen Victoria สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1845 ซึ่งออกแบบโดย Prince Albert ให้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาเลี่ยน ควีนชอบมาพักผ่อนที่วังแห่งนี้มากและควีนก็ได้เสียชีวิตที่ Osborne House แห่งนี้เช่นกัน ข้างในสวยมากๆค่ะ มีรูปปั้นสไตล์โรมัน ภายในบ้านตกแต่งสวยงาม ใหญ่โต จัดห้องเป็นสัดส่วน อาทิ Queen’s Sitting Room สำหรับให้ควีนนั่งพักผ่อน ถักนิตติ้ง อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมส่วนตัว อลังการงานสร้างมากค่ะ ผนังกำแพงถูกสลักไว้ด้วยลวดลายสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลี่ยน ควรค่าแก่การชื่นชมและอนุรักษ์ไว้จริงๆค่ะ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ห้ามถ่ายรูป ส่วนด้านหลังของวังก็เป็นสวนหย่อมสบายตา ไกลออกไปเป็นลานกว้างเห็นธรรมชาติ ภูเขาได้สบายตามากๆ อย่างไรก็ตามครูหญิงก็ไม่ลืมเก็บภาพมาฝากแน่นอนค่ะ ทั้งหน้า Reception ระหว่างทางเดินเข้า และบริเวณสวนหย่อมด้านหลังของวัง เด็กๆต่างรัวชัตเตอร์ถ่ายภาพไว้เป็นความทรงจำกันใหญ่ว่าครั้งหนึ่งเคยมาเยือนที่ Osborne House แห่งนี้ หลังจากนั้น คุณลุงคนขับก็ใจดีมากๆ พาพวกเราไปเดินชมโบสถ์ที่ Queen Victoria มาเป็นประจำ ชื่อว่า St Mildreds Church เป็นโบสถ์เล็กๆ แต่ดูมีมนต์ขลัง ครูหญิงเลยเก็บภาพมาให้ชมค่ะ

กลัมาถึงแคมป์แล้ววว ได้เวลามื้อกลางวันพอดี เมนูนี้ได้แก่ พาสต้า ไวท์ซอส แกงเนื้อแสนอร่อย ชีสจุใจ แถมทูน่ารสชาติเยี่ยม เด็กๆเวียนกันเติมเรื่อยๆค่ะ โชคจะทาน 2 รอบค่ะ มีอะไรโชคต้องลองให้ครบค่ะ อิอิ ปรุงก็ไม่น้อยหน้า มีเติมรอบสองตลอดๆ น้องปรานของเรา รอบเดียวก็จะทานไม่หมดละครับครู ส่วนซินกับแฟลช รอบเดียวบ้าง รอบสองบ้าง ขึ้นอยู่กับเมนูค่ะ ว่าถูกปากหรือเปล่า อีกหนุ่ม ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ผมกลัวน้ำหนักขึ้น ผมต้องควบคุมการกินครับ ครูก็เลยถามว่า “แล้วเห็นเพื่อนกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทรมานหรอ” เจ๊บตอบแบบเสียงอ่อยๆ “ทรมานมากครับครู แต่ทำไงได้ผมไม่อยากน้ำหนักขึ้นอีก” เอ้าๆๆครูเอาใจช่วย แต่ถ้าไม่ไหวก็จัดหนักสักวัน ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ^^

เด็กๆถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มค่ะ กลุ่ม J และ K – กลุ่ม J มี นิชา โชค ซิน ปรุง ปราน กลุ่ม K มี มิล ฟ้า กัน แฟลช เจ๊บค่ะ  ซึ่งมีนักเรียนต่างชาติมารวมด้วย กิจกรรมช่วงบ่าย เป็น Beach Adventure ลงไปชายหาดด้านหลังแคมป์ มันสวยงามมากค่ะ แต่ละคนถูกจับให้มีบัดดี้ฝรั่ง เอาไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ใช้ภาษา ฝึกภาษาอังกฤษ โชค ปรุง ปราน ได้บัดดี้ฝรั่งเล็กๆค่ะ ปรุงปราน กับบัดดี้บ่อยๆ  นิชาได้คนอังกฤษผิวดำ แต่เค้าไม่ค่อยคุยกับหนูอ่ะครู ดูเค้าแปลกๆ ครูเลยบอกให้พยายามคุยกับเค้า ยังไม่ค่อยสนิทอาจจะไม่กล้าคุย นิชาก็โอเคค่า มาที่อีกกลุ่ม มิลได้บัดดี้ ชื่อ Sophia เค้าน่ารักดีนะครู มีน้ำใจด้วย ฟ้ากับกันได้บัดดี้สาวชาวจีนค่ะ แต่ภาษาอังกฤษเค้าเป๊ะอ่ะครู สำเนียงดีมาก เค้ามาเรียนที่อังกฤษนานแล้ว ภาษาของเค้าก็เลยดีเหมือนคนอังกฤษเลยค่ะ สองสาวเล่าให้ฟัง ส่วนแฟลชยังไม่ค่อยกล้าคุยกับบัดดี้เท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติค่ะ เด็กๆพึ่งรู้จักกัน เดี๋ยวคุ้นเคยกัน แล้วก็ค่อยๆดีขึ้นเอง ครูก็ให้กำลังใจไปว่า “ครูเชื่อว่าแฟลชทำได้” ส่วนเจ๊บ หน้านิ่งๆแต่ก็คุยนะคร้าบบบ บัดดี้ฝรั่งโอเคครับคุยกันรู้เรื่อง เก่งมากเด็กๆที่น่ารักของครู ………มาต่อที่กิจกรรมต่อไปดีกว่าค่ะ

กลุ่ม J — Nightline / กลุ่ม K — Laser Zone

กลุ่ม J ทาง Camp coach บอกว่าด่านนี้จะเลอะรองเท้ามาก ทุกคนมีรองเท้าสำรองจึงได้เล่น แต่โชคน่ะสิ อดเล่นเลยเพราะมีรองเท้าผ้าใบคู่เดียว แต่พอถึงด่านไม่มีโคลนเลอะเลย เพราะมันแห้งไปหมดแล้ว โชคเสียดายมากกก …. ทุกคนจะต้องปิดตา แล้วก็พาเดินเกาะไหล่ไปเรื่อยๆจนถึงด่านที่มีสิ่งกีดขวาง ทุกคนต้องผ่านสิ่งกีดขวางเหล่านั้นไปให้ได้ มือซ้ายจับเชือก มือขวาเกาะไหล่ เด็กฝรั่งบัดดี้ของโชคเป็นคนนำทาง บ่นตลอดทาง ครูกับโชคก็ขำตลอดทาง เราสองคนได้ที แกล้งจับจมูก จับแขน 555 ครูรู้ละเวลาเรามองอะไรไม่เห็นมันน่ากลัวขนาดไหน อิอิ  สำหรับกลุ่ม K ขึ้นไปเล่นแข่งยิงปืน Laser แบ่งทีมกันเล่น แดงและน้ำเงิน ยิงต่อสู้กันแพ้บ้าง ชนะบ้าง สลับกันไปค่ะ ด่านนี้อยู่ในที่มืดครูเลยเก็บภาพมาได้ตอนเตรียมตัวเล่นค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Comments are closed.