Week 3 has started
เราเริ่มสัปดาห์ที่ 3 ด้วยอุณหภูมิ 7 องศา เมื่อกี้ครูป้านดูข่าวพยากรณ์อากาศพรุ่งนี้อุณหภูมิต่ำสุด 9 สูงสุด 19 องศา อุ่นขึ้นกว่าวันนี้นิดนึง
เดือนเมษายน เป็นฤดู Autumn ที่อยู่ในช่วงปลาย Summer คนที่นี่บอกว่าเมษาปีนี้อากาศอบอุ่นกว่าทุกปี จะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเด็กบางคนไม่ใส่เสื้อหนาวตอนกลางวัน เพราะอุณหภูมิประมาณ 20-21 องศา แล้วเด็กๆวิ่งเล่น ไม่อยู่เฉย เลยไม่หนาว แต่เด็กเล็กไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการใส่เสื้อกันหนาว เห็นใส่กันมาทุกวัน จะมีถอดบ้างตอนกลางวันที่อากาศอุ่นขึ้น ต่างกับเด็กโตที่มีหลายคนไม่ใส่เสื้อกันหนาว แถมใส่ขาสั้น และรองเท้าแตะ ตอนออกจากบ้านเช้านี้ ครูป้านรู้สึกห่วงเด็กโตมาก กลัวจะไม่ใส่เสื้อกันหนาวกันมา เพราะอากาศหนาวมาก บางทีตอนอยู่ในบ้านอาจจะไม่รู้ว่าข้างนอกหนาว พอได้เห็นทุกคนใส่เสื้อกันหนาวก็ค่อยเบาใจ แต่บางคนก็ยังไม่กล้าหยิบเสื้อกันหนาวตัวหนามาใส่ ยุ้ยกับเฟิร์นไม่ค่อยสบาย บอกเมื่อคืนหนาวมาก ยุ้ยมีไข้นิดหน่อย แต่ไม่มีอาการอย่างอื่น ส่วนเฟิร์นก็เจ็บคอแต่ไม่มีไข้ ครูปุ่นให้กินยาและพาไปนอนพักในห้องพยาบาล ช่วงบ่วยก็ดูดีขึ้น
ที่ intermediate วันนี้ครูป้านออกกฎห้ามมานั่งกินข้าวกับเด็กไทยด้วยกัน หลายคนที่่สามารถทำตัวกลมกลืนไปกับเด็กกีวี่ได้เลย แต่ก็มีบางคนที่ยังเก้ๆกังๆอยู่ เห็นคนที่ยังไม่ค่อยมั่นใจก็แอบสงสารอยู่ รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องทำ ก็เพื่อความสำเร็จของเด็กๆนั่นแหละค่ะ เด็กๆที่มาคราวนี้ทุกคนภาษาอังกฤษจัดว่าดีทีเดียว ครูป้านได้รับคำชมจากคุณครูประจำชั้นเสมอๆว่าเด็กไทยกรุ๊ปนี้ภาษาอังกฤษดี วันก่อนที่ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทั้งคนขับ Jet Boat และ นักบินถามกับบาบาร่าว่าเด็กกรุ๊ปนี้มาจากไหน บาบาร่าตอบว่ามาจากเมืองไทย เค้าถามต่อว่าเข้าใจภาษาอังกฤษไม๊ เพราะต้องฟังกฎกติกาต่างๆ บาบาร่าบอก เด็กภาษาอังกฤษดี คุณแจ้งกฎต่างๆกับเด็กได้เลย นักบินพอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ก็เล่าใหญ่ว่าไปมาแล้วสามครั้งชอบมากโดยเฉพาะเชียงใหม่
เนื่องจากดู background เรื่องพื้นฐานภาษาอังกฤษของเด็กมาแล้ว ครูป้านจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องจัดชั้นเรียนภาษาอังกฤษให้เด็กมากนัก เพราะจะทำให้เด็กมารวมกลุ่มกับเด็กไทยมากเกินไป แต่การทำเช่นนี้ก็จะสร้างแรงกดดันให้เด็กพอควร เพราะต้องเรียนและใช้ชีวิตเหมือนเด็กที่นี่เลย เด็กบางคนที่เคยมากับ KAS ในทริปก่อนก็อาจจะรู้สึกแปลกๆที่คราวนี้แทบไม่มีเวลาได้เรียนกับเด็กไทยด้วยกันเลย บางทีก็มีบ่นบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเด็กๆก็ปรับตัวได้ และประโยชน์ก็ตกอยู่ที่ตัวเด็กๆเอง
เย็นนี้ครูป้านพาไปเล่นโบว์ลิ่ง ตามที่สัญญากันไว้ ครูป้านจ่ายให้ 2 เกม ยุ้ยกับเฟิร์นต้องรีบหายป่วย เพราะกลัวพลาดโบว์ลิ่งเย็นนี้ เด็กโตเดินมารวมกันที่ intermediate ทุกคนมาพร้อมเราก็ออกเดินทางไปป้ายรถเมล์ที่ ถนน Matua ระยะทางที่ต้องเดินไปนั้นไกลพอควร ประมาณ 1.5 กม. ครูป้านแจ้งระยะทางให้เด็ฏๆทราบ และบอกว่าถ้าใครไม่อยากเดินอนุญาติให้กลับบ้านได้ (โหด) ไม่มีใครกลับบ้านค่ะ ตั้งหน้าตั้งเดินไม่มีใครบ่น คือถ้าเราขึ้นป้ายหน้าโรงเรียนต้องขึ้น 2 ต่อ เปลืองเงิน และเสียเวลา เพราะรถวิ่งอ้อม
เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงปลายทาง ป้ายรถเมล์ที่นี่อยู่ห่างกันมากค่ะ ไม่ถี่เหมือนบ้านเรา พอลงรถเราก็ต้องเดินไปโบว์ลิ่งอีกสัก 400 เมตร ถึงโบว์ลิ่งเด็กๆ ไม่รอช้ารีบจัดทีม และเบิกรองเท้ากัน
เรานัดโฮสต์ให้มารับตอนหกโมงเย็น ประมาณ 17:45 โฮสต์ก็เริ่มทยอยมา บรรยากาศชื่นมื่นมากเย็นนี้
ทีมแรก เลน 3 = เอ๊๋ยว โอม ตูน ต้นไทร ฟัดจี้
ทีมสอง เลน 4 = แสตมป์ นุ่น หลุยส์ เอ็นดู มิ๊นท์ พราว เพชรเล็ก
ทีมสาม เลน 5 = แบมบี้ คะน้า น้ำผึ้ง แนนซี่ ครูปุ่น ครูป้าน
ทีมสุดท้าย เลน 6 = เพชรใหญ่ ฟลุค เบน ยุ้ย เฟิร์น วิน
ขออุบไว้ก่อนว่าทีมไหนชนะเลิศ ครูป้านจะประกาศทีเดียววันเสาร์นี้บนรถโคชที่เราจะไปเที่ยวโรโตรัวกัน ตอนนั้นทุกคนจะอยู่พร้อมเพรียงกันหมด และมีไมโครโฟนด้วยค่ะ รอลุ้นนะคะ!!
เด็กโตมาเจอกันที่ intermediate
คุณนายละเอียดตรวจนับเงินทอน ที่คนขับรถเมล์ทอนมาให้ ไม่รู้นิ้วมือที่มีอยู่จะพอนับหรือเปล่า
ไม่รู้เสี่ยตูนจะเล่นกายกรรม หรือเล่นโบวลิ่งกันแน่
ลีลาเหลือร้าย ลูกใครดูกันเอง
หลังจากล้างท่อมานาน คราวนี้แนนซี่ strike ดีใจสุดๆ
ท่าทางโอมกับเอี๋ยว จะเมา Fish & Chip
ภาพนี้ เหมือนคนนึงโกรธ อีกคนนึง งอนง้อ
เพชรเล็ก โกรธเคืองอะไรครูป้าน ก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้
ทีมนี้เล่นเสร็จช้าที่สุด เพราะมัวแต่ห่วงกิน โฮสต์มารับแล้วยังเล่นไม่จบเกมเลย
ลุ้นคะแนนกันใหญ่
สามคนนี้ ชี้ไปที่ต้นไทร และเสียงที่ออกจากปากคือ “โกง”
เฟิร์น จับกบ ตัวโตๆ
รูปนี้ขาดฟลุคกับเฟิร์น เพราะออกไป supermarket ข้างนอก