Search
Advertisement
Categories

Archive for May, 2010

Week 4: เรื่องเล่าวันอาทิตย์ Sun 9- Mon 10 May

สวัสดีค่ะ ครูป้านมารายงานตัว กลับมาแล้วค่ะ

ขอปรบมือให้ครูปุ่นดังๆ กับการเขียนบลอคค่ะ น่ารักมาก

ครูป้านขอเสริมเรื่อง Nancy ที่ได้รับสมุดสะสมแสตมป์เล่มใหญ่จาก Grandpa ครั้งแรกที่โฮสต์พาแนนซี่ไปบ้าน grandpa เป็นช่วงอาทิตย์แรกที่เรามาอยู่ที่นี่ แนนซี่โทรหาครูป้าน ทำเสียงอ่อย บอกว่าโฮสต์พาหนูไปบ้าน grandpa หนูรู้สึกไม่ดีมากๆ ไม่อยากไปเลย ต้องค้างคืนด้วย ทำตัวไม่ถูก ครูป้านบอกน้องว่าก็ทำตัวสบายๆ ให้คุยกับคุณตาด้วย  ครูป้านบอกต่อว่า โฮสต์เค้าไปไหนก็พาเราไปด้วย แสดงว่าเค้าห่วงใยเรานะ ดีกว่าเค้าทิ้งเราไว้ที่บ้าน ยังไงก่อนนอนให้โทรหาครูป้านอีกทีว่าเป็นไงบ้าง ตอนนั้นครูป้านเป็นห่วงแนนซี่และไม่สบายใจเอามากๆ เล่าให้บาบาร่าฟัง บาบาร่าบอกขับรถไปรับเลยไม๊  ครูป้านบอกไม่เป็นไร กลัวเสียมารยาท รอดูสถานการณ์อีกที  ก่อนนอนแนนซี่โทรมาอีกครั้ง คราวนี้เสียงใส บอกคุณตาใจดีมาก เอาสมุดสะสมแสตมป์ทั้งหมดมาให้ดู แล้วก็เอารูปเก่าสมัยคุณตาของคุณตามาให้ดู เล่าเรื่องให้ฟังเยอะแยะ  หนูโอเคแล้วค่ะ  ครูป้านค่อยโล่งอก เนี่ยแหละน้า กลัวไปก่อน…

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันแม่ หลายๆครอบครัวไปเยี่ยม grandma กัน เด็กๆเราก็พลอยติดสอยห้อยตามไปด้วย  เรื่องของขวัญวันแม่นั้น ไม่เฉพาะแบมบี้และคะน้าเท่านั้น ครูป้านเชื่อว่า เด็กๆทุกคนซื้อของเล็กๆน้อยๆจากโรโตรัวไปฝากโฮสต์แม่ค่ะ เพราะครูป้านถามเด็กๆตอนอยู่บนรถว่า ใครชอบ host mother บ้าง เด็กๆยกมือกันพรึบพรับ ครูป้านแนะนะว่าให่หาของติดไม้ติดมือเล็กๆน้อยๆไปฝาก แล้วบอก Happy Mother Day ด้วย ครูป้านเชื่อว่า host mother ต้องปลื้มในน้ำใจไมตรีของลูกๆเราแน่ค่ะ แล้วจะติดตามเรื่องราวมาเล่าต่อนะคะ

อีกเรื่องที่อยากเล่าคือ เด็กไทยที่ป่วยที่นี่แล้วไปหาหมอ หมอจ่าย Antibiotic อ่อนมากๆ ไม่มีใครหาย ต้องไปรอบ 2 รอบ 3 แสตมป์กับเอี๋ยวนี่ไปคนละ 3 รอบแล้ว  แสตมป์ไปรอบสองหมอเปลี่ยนยาให้ก็ยังไม่หาย วันนี้ครูปุ่นพาไปรอบสาม ทีนี้หมอบอกแค่ไปซื้อน้ำยามากลั้วคอก็พอ  ส่วนเอี๋ยวไปครั้งแรก ไม่หาย ไปรอบสองหมอไม่ให้ยาเลย บอกเดี๋ยวหายเอง ต้องไปรอบสามหมอก็ยังยืนยันจะจ่ายยาเหมือนรอบแรก ครูป้านต้องคุยอยู่นาน จึงยอมเปลี่ยนยาให้ค่ะ  ไม่รู้จักเชื้อโรคที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายเด็กไทยซะแล้วว่ามันแข็งแรงขนาดไหน!!? เฮ้อ!!

วันพุธมีไป Waimarino Adventure Park ดูพยากรณ์อากาศ บอกว่าฝนจะตกทั่วประเทศ ได้แต่ภาวนาให้ตกให้เรียบร้อยซะคืนนี้ พรุ่งนี้จะได้เล่นกันได้เต็มที่ ค่ะ

————————————————————————————————-

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม วันนี้ตรงกับวันแม่ของคนนิว ซีแลนด์ค่ะ และเป็น อาทิตย์สุดท้ายของเด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรมร่วมกับ host family ด้วยค่ะ อะไรกันคะ!!! เผลอแป็บเดียวเอง ใกล้ถึงวันกลับแล้วหรือเนี่ย… แอบกระซิบนิดหนึ่งค่ะ ตอนนี้ได้ยินเสียงของหลาย ๆ คนบ่นว่า “ไม่อยากกลับบ้านเลย อยากอยู่ที่นี่ต่อนาน ๆ” แล้วด้วยค่ะ จะเป็นเพราะเหตุผลอันใด เดี๋ยวมีเฉลยตอนท้ายนะคะ อิอิ

ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ใครไปทำอะไรที่ไหนกันมาบ้าง ติดตามได้เลยค่ะ

แบมบี้ และ คะน้า

“Host วางแผนจะพาไปดูเค้าแข่งม้ากันค่ะ แต่สนามปิด Host เลยพาไปดูน้ำตก กะพาไป shopping แทนค่ะ”
แบมบี้และคะน้า surprise  Host แม่ด้วยการซื้อดอกไม้ให้ช่อนึงเป็นของขวัญวันแม่
Host แม่ก็ตอบแทนน้ำใจของเด็ก ๆ ด้วยการซื้อเสื้อลายน่ารัก ๆ ให้คนละตัวค่ะ
คะน้าใส่มาเรียนเลยในวันนี้ ส่วนแบมบี้ สงสัยจะเก็บไปใส่ที่เมืองไทย หรือไม่ก็ให้ Host แม่ซักให้ก่อน…
อ่าว…ถ้างั้น…เสื้อคะน้า…ก็ยังไม่ได้ผ่านการซักหน่ะสิค๊ะ???  -.-”

น้ำผึ้ง และ หลุยส์

น้ำ ผึ้ง              :  Host พาไปโบส์ถตอนเช้าค่ะ
หลุยส์             : แล้วก็พาไปว่าน้ำที่ศูนย์คนชราค่ะ
ครูปุ่น              : ห๊า!!!…เอ่อ… Host เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ อาทิตย์ก่อนหน้าโน่น Host พาหนูไปปีน
เม้าท์ มังกานุยมา  หนูทำท่าทางเหนื่อยเกินอายุไปหรือเปล่า ทำไมอาทิตย์นี้  Host ถึงพาหนูไปว่าน้ำกันที่นี่แทนเลยเหรอคะ

น้ำผึ้ง/หลุยส์ :อ๋อ…ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ พอดี Host ไปหา Grandma ด้วย แล้วศูนย์นี้อยู่ใกล้บ้าน Grandma ค่ะ
ครูปุ่น              : อ่อ…แล้วไปค่ะ แล้วสนุกไหมคะ
น้ำผึ้ง              : ก็ดีค่ะ ที่นี่มีตะกร้าใส่ผลกีวีวางไว้ให้กินด้วยค่ะ
ครูปุ่น             : หรอคะ แล้วหนูได้กินหรือเปล่าล่ะ กินไปกี่ลูกเอ่ย
น้ำผึ้ง              : ไม่ได้กินเลยสักลูกค่ะ เพราะมันแข็งมากกกกก
ครูปุ่น             : อ๋อ มันยังไม่สุกนั่นเองอ่ะคะ เลยอดกินเลยเนาะ
น้ำผึ้ง              : ค่ะ แต่เดี๋ยวคงได้กินอ่ะค่ะ เพราะ host แม่กะหนูช่วยกันหยิบใส่ผ้าเช็ดตัวกลับไปบ้านด้วย
ครูปุ่น             : อ่ะค่ะ!!!…ไม่มีพลาด…เนาะ อิอิ

โอม และเอี๋ยว

ครูปุ่น               : วันอาทิตย์ Host พาไปเที่ยวไหนกันมาครับ
โอม/เอี๋ยว       : ไม่ได้ไปไหนเลยยยย อยู่บ้านเล่นคอมพ์ครับ
ครูปุ่น                : อ้าวหรอ แล้วเราไม่อยากไปไหนกันหรอ ทำไมไม่บอก Host ล่ะครับ
โอม/เอี๋ยว       : อ๋อ…ตอนเช้า Host พาไปร้องเพลงมาครับครู
ครูปุ่น               : ห่ะ!! ร้องเพลง??? คาราโอเกะตอนเช้าหรอครับ???
โอม/เอี๋ยว       : เปล่าครับ ก็ร้องเพลงที่โบส์ถไงครับครู
ครูปุ่น               : …. อ่ะค่ะ … ไปร้องเพลง -.-””””””””
น้ำผึ้ง                : ใช่ค่ะ ๆ หนูก็ไปร้องมา

Nancy

Host พาไปดูลูกชาย Host แข่งมอเตอร์ไซด้ที่ Rotorua ค่ะ จากนั้น Grandpa และ Grandma มาหาที่บ้าน นำสมุดสะสมแสตมป์เล่มใหญ่มาเป็นของที่ระลึกให้ Nancy ด้วยค่ะ เปิดมาหน้าแรก เห็นแล้วก็อึ้งค่ะ เพราะคุณตา สะสมมาตั้งแต่ปี 1889 นับว่าเป็นของล้ำค่าทีเดียว รักษาไว้ดี ๆ นะคะ Nancy

Fudgy และ Win

Host พาไปเล่น Football และ Rugby กันที่ Park แถวบ้านค่ะ

Toon

Host พาไป shopping ที่ Warehouse ค่ะ

ต้นไทร

อยู่บ้านเล่น กับลูกของ Host ที่บ้านค่ะ

เพชร (เล็ก) และ พราว

ตอน เช้าไปสวนสาธารณะกับลูก Host ให้อาหารเป็ดค่ะ จากนั้น Host ก็พาไป The Rock House เพื่อปีนผาจำลอง ต่อด้วยไป Mini Golf ตีกอล์ฟเรืองแสง เพชรบอกว่าตียาก เพราะมันมืด ถ้าตีกอล์ฟปกติเนี่ย ตีไม่กี่ทีก็ลงแล้วครับ แต่มาตีที่นี่ ตีไปเกินโหลแล้วก็ยังไม่ลงเลย!!! เอ่อ… สรุปว่าเป็นเพราะมันมืดหรือเพราะฝีมือกันแน่ครับเพชร หุหุ ^___^

เฟิร์น และ มิ้นท์

Host พาไป shopping ที่ Supermarket (Pak N”””””””” Save) และไปบ้าน Grandma ต่อค่ะ

นุ่น

Host พาไปบ้าน Grandma ค่ะ

ยุ้ย

สาวมั่น ฉายเดี่ยว shopping คนเดียวที่ Supermarket (New World)

แสตมป์ และ เอ็นดู

วันนี้ 2 สาวขอมา Shopping ในเมือง Tauranga และ ที่ Fraser Cove กันซะหน่อย ปิดท้ายด้วยการกิน Fish & Chip แสนอร่อยก่อนกลับบ้านค่ะ

เพชร (โต) ฟลุ๊ค และเบ็น

Host พาไป Picnic กันที่ Park และต่อด้วยการไปออกรอบตีกอล์ฟค่ะ

———————————————————————————————–

ส่วนวันจันทร์ เด็ก ๆ ก็กลับมาสนุกสนานกับการ…ที่โรงเรียนเหมือนเดิมค่ะ

สนุกกับการทดลองวิทยศาสตร์

สนุกกับการกิน

สนุกกับการเล่น

ของขวัญจากครูป้านค่ะ (มาตามสัญญา)

เกือบลืมเฉลยค่ะ ว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงไม่อยากกลับไทย และอยากอยู่ต่อที่นี่นาน ๆ
เด็ก ๆ ที่ Intermediate บอกว่า “กลับไปแล้วได้หยุดอีกแค่ 2 วันก็ต้องเปิดเทอมแล้ว อยากอยู่เที่ยวที่นี่ต่อนาน ๆๆๆๆๆ” ค่ะ
ส่วนเด็ก ที่ College ให้เหตุผลว่า ” ………………………..” ค่ะ   ๑^___^๑

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ครูปุ่น

Week 3 Fri 7 & Sat 8 May

Rotorua trip on Sat 8 May 2010

พอรถโคชออกเดินทาง ครูป้านก็เริ่มประกาศผลโบว์ลิ่งที่เล่นกันไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เด็กๆถามกันใหญ่ว่ารางวัลคืออะไร  พอครูป้านชูรางวัลที่อยู่ในมือ แหมตาแทบถลนออกมาจากเบ้า  รางวัลอะไรหรอคะ เงิน คร้าาา  ครูป้านรู้ว่านาทีนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าเงิน จะไปซื้อทำไม๊พวงกุญแจ ตุ๊กตุ่น ตุ๊กตา เก๊าะมันกินไม่ได้นี่นา..

ทีนี้ลุ้นกันใหญ่ เลย ครูป้านเริ่มประกาศจากจากลำดับ 4 ก่อน

ลำดับ 4 แบมบี้ คะน้า แนนซี่ น้ำผึ้ง ครูป้าน ครูปุ่น 15 ดอลล่า

ลำดับ 3 ต้นไทร โอม เอี๋ยว ตูน ฟัดจี้ 20 ดอลล่า

ลำดับ 2 แสตมป์ มิ๊นท์ นุ่น พราว เพชรเล็ก เอ็นดู หลุยส์ 25 ดอลล่า

ลำดับ 1 แก๊งหมีควาย และวิน 30 ดอลล่า

แต่ละทีม แต่งตั้งผู้จัดการมรดกกันเรียบร้อย ยกเว้นทีมลำดับ 3 ที่ดูแล้วไม่มีใครไว้ใจใคร แบ่งหารเงินกันทันทีทันใด ฮาาา

กิจกรรมแรกของวันนี้คือชมการแสดงการตัดขนแกะที่ Agrodome รอบ 9:30 น. พอเราเดินทางไปถึงได้แป๊บเดียวก็ได้เวลาโชว์พอดี ที่นี่มีหูฟังที่แปลเป็นหลายๆภาษารวมทั้งภาษาไทย ทีแรกครูป้านก็ไม่ได้ให้เด็กๆใส่หูฟัง เพราะเห็นว่าเด็กเราเข้าใจภาษาอังกฤษกันค่อนข้างดี พอโชว์เริ่มได้สักพัก แหมพูดทั้งเร็วทั้งรัว ครูป้านเลยต้องเดินไปเอาหูฟังมาแจกเด็กๆ

หมูตู้

แกะสายพันธ์ต่างๆจากทั่วโลก

เจ้า Marino ที่ยืนเป็นประธานอยู่แถวบนสุดตรงกลาง คือสายพันธ์ของนิวซีแลนด์เองที่เค้าภาคภูมิใจ

การตัดขนแกะ

ถึงตอนนี้ได้ยินเสียงเด็กๆหลายคนบอกสงสารแกะจัง

สัมผัสขนแกะของจริงที่พึ่งตัดมา

การรีดนมวัว

สุนัขต้อนแกะ

อ้าว! ไหงกลายเป็นสุนัขต้อนเป็ด

นี่ไง ผมต้อนแกะได้จริงๆ นะคับ

ผู้ดำเนินรายการ ขออาสาสมัครขึ้นไปป้อนนมลูกแกะ ผู้ชมยกมือกันพรึบพรับ หนูคะน้าโชคดีถูกเรียกขึ้นไปบนเวที

หลังโชว์เสร็จ เด็กๆมีความสุขและประทับใจมาก ยกโขยงกันขึ้นไปบนเวที สาละวนอยู่กับการถ่ายรูปกับเจ้าแกะจมลืมเวลา กรุ๊ปอื่นแทบจะไม่มีโอกาสแทรกเข้ามาได้เลย สุดท้ายหมดเวลาแวะซื้อของที่ร้านขายของที่ระลึกที่นี่ ต้องรีบเดินทางไป Rainbow Spring ต่อ  เด็กๆผิดหวังเล็กน้อย บาบาร่าบอกว่าสถานที่ ที่เราจะไปทุกที่มีร้านขายของที่ระลึกเหมือนกัน

กลัวๆกล้าๆ ตกลงรักน้องแกะจริงป่าวเนี่ย??

อ้าว! เค้าให้ลูบหัว ดันเอามือไปปิดตา แกล้งเจ้าแกะซะนี่

หมูตู้ + แกะ (ที่เห็นเม้มๆปากแบบนั้น คือ แกะมันเหม็น อ่ะคร้าาา)

เสร็จจาก Agrodome เราก็เคลื่อนย้ายขบวนไป Rainbow Spring Nature Park ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ใช้เวลาแป๊บเดียวค่ะ ที่นี่เราแยกย้ายกันเดินเป็นกลุ่มเล็กๆ ตามสะดวก


Silver Fern สัญญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์

ปลาเทร้า

เบิกเงินกันอีกแล้ว (ดีใจด้วยกับคนที่ยังมีเงินเหลือให้เบิก ฮิ้ววว)

น้ำแร่ให้ดื่มฟรี

ของฟรีเราไม่มีพลาดค่ะ

นกกีวี่ จุดนี้ต้องมองผ่านกระจก

หลังเสร็จกิจกรรมที่ Rainbow Spring Nature Park เด็กๆเลือกซื้อของที่ระลึกกัน ยังได้ยินเสียงคนบ่นเรื่องที่ไม่ได้ซื้อของที่ Agrodome  จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกลางวันที่ Sulphur City Park พอรถขับเข้ามาในเมืองนี้ เราเริ่มเห็นควันจากบ่อโคลนเดือดลอยขึ้นมาเป็นจุดๆ แต่เรายังไม่ได้แวะดูกัน

เด็กๆนั่งทานอาหารจาก Lunch Box ที่เตรียมมากันทุกคนในบริเวณ Park บางคนกินเสร็จก็รีบมาปีนป่ายเจ้าเครื่องเล่นที่อยู่ใน park นี้ ติดกับ park มี Saturday market ขายพวกพืช ผัก ผลไม้ และอาหาร

เสื้อแดงที่อยู่บนยอดเครื่องเล่นนั่น ไม่บอกก็คงพอเดากันได้แล้วใช่ไหมคะว่าเป็นใคร??

เมื่อกี๊ยังสงสารแกะตอนโดนตัดขนอยู่เลย ตอนนี้กิน Lamb ย่างกันแล้วค่ะ

กินอาหารกลางวันเสร็จ แวะชมบ่อโคลนเดือด

หลังจากทานอาหารกลางวัน และชมบ่อโคลนเดือดแล้ว เราก็กลับไปที่ Kiwi Encounter ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับ Rainbow Spring Nature Park ที่นี่ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุบาลนกกีวี่ตั้งแต่อยู่ในท้อง วางไข่ นกน้อยกระเทาะเปลือกออกมา จนกระทั่งเจ้านกโตพอที่จะกลับคืนสู่ป่า  ตอนสุดท้ายเราได้ดูนกกีวี่ของจริงตัวเป็นๆอย่างใกล้ชิดไม่ผ่านกระจก โดยมีกฏว่าต้องเงียบที่สุด และห้ามแตะต้องนกกีวี่เด็ดขาด ถ้าใครฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่เค้าจะไล่ออกไปทั้งคณะ เด็กๆตื่นตาตื่นใจกับเจ้านกกีวี่แสนน่ารัก 3 ตัว และอยู่ในกฎระเบียบกันดี เห็นเค้าอนุรักษ์และทะนุถนอมแบบนี้แล้วทึ่งจริงๆค่ะ  อ้อ! จุดที่เราดูกีวี่ตัวเป็นๆนี่ห้ามถ่ายรูปค่ะ รูปที่เห็นเป็นของปลอม

ชมความน่ารักของเจ้านกกีวี่แล้ว เราเดินต่อไปยัง Skyline ใกล้นิดเดียวค่ะ ครูป้านซื้อตั๋วให้เล่น Luge คนละ 2 รอบ

เข้าคิวขึ้นกระเช้า Gondola

กระเช้ามุ่งสู่ยอดเขา Mt. Ngongotaha

ถึงบนเขาแล้ว ไม่มีใครรอช้า ปรี่ไปขี่ Luge กันทันที

Luge ที่นี่ เค้ามี Track สำหรับ Beginner ก่อน ทุกคนต้องเริ่มเล่นรอบแรกที่ Beginner

นั่งกระเช้ากลับมา

โชคดี วันนี้พวกเราไม่ต้องต่อคิว เพราะคนไม่เยอะค่ะ บางวันคนเยอะมาก รอคิวนานเอาเรื่องอยู่ เด็กๆบางคนเล่นไป 2 รอบแล้ว ยังไม่สะใจ ขอซื้อตั๋วเล่นเพิ่มอีก บาบาร่าไปต่อราคากรุ๊ปให้เหลือ 6 ดอลล่า จากราคาปกติ 9 แต่ไม่ได้เล่นเพิ่มกันทุกคนหรอกค่ะ เป็นบางคนเท่านั้น

ละลายเงินที่ได้รับจากรางวัลโบว์ลิ่งกันที่นี่ (เงินมันร้อนนนน ต้องใช้ให้หมด)

จุดที่เราอยู่บนเขานี้ เห็นวิว Lake Rotorua สวยงามมาก ตั้งใจว่าก่อนกลับจะเรียกเด็กๆมาถ่ายรูปหมู่กัน พอเด็กๆเล่น Luge และละลายเงินรางวัลโบว์ลิ่งที่ Cafe กันเสร็จ ก็เข้าไปร้านขายของที่ระลึก เลือกซื้อของกันได้พักนึง มีคนบอก อยากเดินกลับไปซื้อของที่ระลึกที่ Rainbow Spring เพราะถูกกว่า เลยแห่กันไปหมด อดถ่ายรูปกับ Lake Rotorua เลย เสียดายจัง

วันอาทิตย์เป็นวันเกิดเพชรเล็ก เราร้องเพลง Happy Birthday กันบนรถตอนขากลับ พร้อมมอบการ์ดอวยพรน่ารักๆ (ฝีมือแนนซี่) ของขวัญวันเกิดถึงจะมาช้า แต่รับรองว่ามาแน่นอนนะเพชร คือครูป้านลืมเอามาอ่ะ ขอโทษเจงๆ

ตอนซื้อของที่ระลึกกันที่ Skyline เพชรถามครูป้านว่า ผมอยากได้ Boxer ตัวนี้ (ลายกีวี่ฟรุ๊ต และเขียนว่า Bite Me) ผมจะซื้อดีไไม๊ครับ ราคา 13 ดอลล่า ผมชอบอ่ะ มันเขียน Bite Me เต็มไปหมด ตรงเป้าก็มี  ครูป้านเห็นกางเกงแล้ว หัวเราะคิกๆ หนุนเพชรเต็มที่ ซื้อเลยเพชร ซื้อเลย

ก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละคร้าาาา

เงิน 13 ดอลล่า กับความสุขที่เพชรได้รับ มันช่างคุ้มค่าจริงๆ

ครูป้านไม่รู้อะไรที่ทำให้เพชรเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เ จากวันแรกที่เจอกัน เพชรเงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร ถามคำตอบคำ ได้ยินแต่ ครับ ครับ แล้วก็ครับ มาวันนี้เพชรมีเรื่องมาฮาไม่ซ้ำ แถมมุกเธอนี่เพื่อนขำกันน้ำตาไหล ไว้ให้ครูปุ่นเล่าต่อค่ะ

วันจันทร์ครูป้านขออนุญาตลาไปดูโรงเรียนที่ Christchurch วันอังคารตอนบ่ายก็กลับแล้วค่ะ  ครูปุ่นจะรับหน้าที่เขียน Blog ต่อ วันนี้ตีหนึ่งกว่าๆแล้ว ขอราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ

——————————————————————

ในที่สุดวินกับฟัดจี้ ก็ยอมควักเอาเสื้อหนาวตัวหนามาใส่ ครูป้านล่ะดีใจจริงจิ๊ง แลบลิ้นทักทายกันเป็นพวกเอสกิโม

วันนี้เป็นวันแรกที่แนนซี่ (คนกลาง) ไม่หัวฟูมาโรงเรียน มัดผมมาเรียบแปล้

แนนซี่โชว์ลีลาการตักกีวี่ แบบมืออาชีพ

เรื่องราวเด็กมัธยมล้วนๆจากครูปุ่น

เด็กกีวีเห็นเด็กไทยกินโยเกิร์ตด้วยอาวุธ (ช้อน) ลุค (Luke ซึ่งเป็น Buddy ของเพชรเล็ก) จึงสาธิตวิธีการกินโยเกิร์ตแบบชาวกีวีให้ชมกัน

ขั้นที่ 1 เริ่มด้วยการเปิดฝาถ้วยโยเกิร์ตออกมาเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 1 ซม. เหมือนลังเลว่าจะกินแต่เปลี่ยนใจไม่กินแระ!!!)

ขั้นที่ 2 ใช้ปากประกบ!!!! ถ้วยโยเกิร์ต

ขั้นที่ 3 ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก และดูดโยเกิร์ตขึ้นมา (ให้ได้) จนอากาศภายในกระป๋องโยเกิร์ตเหลือน้อย และทำให้กระป๋องเริ่มเปลี่ยนสภาพ…บู้ บี้ (ตามภาพประกอบ)

ขั้นที่ 4 ออกแรงดูดโยเกิร์ตให้มากขึ้นอีก (อาจต้องใช้ความมุ่งมั่นเล็กน้อย…สังเกตุจากสายตาของ Luke) และเริ่มใช้นิ้วช่วยกดกระป๋องโยเกิร์ตให้เนื้อและน้ำโยเกิร์ตเอ่อ ๆ ขึ้นมา

ขั้นที่ 5 เป็นขั้นตอนสุดท้าย (สำหรับคนขี้เสียดายของ) ขอให้พยายามใช้แรงดูดให้มากขึ้นอย่างมากมาย เพื่อให้โยเกิร์ตทุกหยาดหยดในกระป๋องออกมาให้หมด
ข้อควรระวัง: หากลำบากมาก ขอให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป เพราะอาจเป็นลมได้
ข้อเสนอแนะ: ไม่ต้องทำตามคนกีวีไปซะทุกอย่างก็ได้ น้อง ๆ พกช้อนมากินโยเกิร์ตเหมือนเดิม เราก็ไม่ลำบากหรอกค่ะ เพราะเราชินแล้ว ไม่เหนื่อยด้วย อิอิ

วัน Asthma Day ที่ College จะมีการขายลูกโป่งสีแดง ลูกละ 2 ดอลล่า เพื่อสบทบทุนช่วยเหลือคนที่เป็นโรคหอบหืดค่ะ เด็กไทยน่ารักมาก มีลูกโป่งกันทุกคน (เนื่องจากคนขาย ขนลูกโป่งมาเต็มรถ ขายไม่หมดและใกล้เวลาเข้าเรียนหลังพักทานกลางวันแล้ว จึงแจกลูกโป่งที่เหลือค่ะ ไม่ได้ช่วยสบทบทุนกะเค้าเล้ยยย)

เรียกรวมตัวเพื่อเช็คชื่อก่อนไป “วิ่งข้ามประเทศ” (Cross Country หรือ วิ่งมาราธอน) กันค่ะ

ยุ้ยฟิตมาก ขอร่วมวิ่งกับเค้าด้วย Miss Shirley ผู้ดูแลประสานงานทาง College ไปขอยืมกางเกงขาสั้นมาให้ใส่

สามสาว Stamp, Mint, and Noon … เค้าวิ่งไปกันหมดแล้วจ้า มัวทำอะไรกันอยู่….เอาน่า แค่ 3 กิโลเอง

หลังจากปล่อยแถวนักเรียนหญิงให้วิ่งไปกันก่อน ก็ถึงตานักเรียนชายบ้าง

มาแล้ว ๆ ยุ้ยสู้ ๆ

เย้ ๆ ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว ฮึดเข้า ๆ

ในที่สุดก็ทำสำเร็จ เข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 61 ค่ะ   ยุ้ยภูิใจสุดๆ บอกจะไม่ลบรอยปากกาที่โค้ชเขียนเลข 61 ออก (แปลว่า จะไม่อาบน้ำป่าวยุ้ย)

เบนมาแล้วค่ะ วิ่งมาด้วย เท่จริง ๆ แมนมั๊ก  ๆ

ฟลุ๊ค ๆ วิ่งมาราธอนนะค๊ะ ทำไมน้องเดินมาค๊ะ!!!

นั่งพักเหนื่อยกันหน่อย เหงื่อโชกเลยค่ะ ใครว่า NZ หนาว ไม่จริ๊ง ไม่จริง…

ส่วนผมเป็นผู้ตรวจการเด็ก College คนใหม่ครับ มาดูแลความเรียบร้อย วิ่งกันเสร็จหรือยัง เตรียมกลับบ้านกันได้แล้วครับ

Week 3 Wednesday 5 May Mount Munganui

ที่ครูป้านบอกว่า พยากรณ์อากาศวันอังคาร อุณหภูมิต่ำสุด 9 สูงสุด 19 องศา พอถึงตอนเช้าอุณหภูมิจริงๆประมาณ 15 องศา ครูป้านคิดว่า 9 องศา คงเป็นตอนกลางคืน

พอวันพุธอุณหภูมิตอนเช้ากลับลงไป 7 องศา อีก  วันพฤหัสฯ ดิ่งลงเหลือ 6 องศา เพราะมีลม หนาวจับใจจริงๆ ครูป้านต้องมาบอกให้เด็กๆเข้าไปอยู่ในห้องเรียนเพราะจะอุ่นกว่ามาก  เวลาอากาศหนาวโรงเรียนจะอนุญาตให้เด็กๆอยู่ในห้องเรียนได้รวมถึงตอนพักทานอาหารด้วย (ตามปกติตอนพัก โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้นักเรียนอยู่ในห้อง และจะลอคห้องด้วย)

วันพุธนี้เป็นวัน Work Day ของ Otumoetai College  โรงเรียนหยุด 1 วัน พวกเราทั้งหมดไป Mount Munganui กัน เรานัดเจอกันที่โรงเรียน คราวนี้ขึ้นรถเมล์สาย 60 ที่หน้าโรงเรียน แล้วไปต่อสาย 2 ที่ในเมือง เป้าหมายของพวกเราคือเดินขึ้นถึงยอดเขา Mt. Munganui (ออกเสียงว่า เม๊า-มัง-กา-นุย) ซึ่งเป็น Landmark ของที่นี่  เด็กบางคน โฮสต์ได้พามาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ เช่น หลุยส์ น้ำผึ้ง เพชรใหญ่ ฟลุค เบน ตูน ตูนมาเที่ยวที่ชายหาดแต่ยังไม่ได้เดินขึ้นเขา สามหนุ่มตั้งใจจะไม่เดินอีกในวันนี้ เพราะได้เดินไปแล้วรอบนึง แต่ทนแรงกดดันจากเพื่อนไม่ไหว เลยต้องเดินรอบสอง แต่ใส่รองเท้าแตะมาเลยไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเท่าไหร่ ส่วนน้ำผึ้งกับหลุยส์ตั้งใจจะเดินอีกรอบ พอจะเริ่มขึ้นเขา โอม คะน้า ต้นไทร บอกไม่อยากเดิน (ขี้เกียจ) จะรออยู่ข้างล่าง ครูป้านมาคิดดู โอมนี่พอจะไว้ใจได้อยู่ ส่วนคะน้านี่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ครูป้านไม่กล้าทิ้งไว้แน่ คนสุดท้ายคือต้นไทร เจ้าตัวแสบของครูป้าน ไม่น่าไว้วางใจสุดๆเพราะซนมากอยู่ (ครูป้านเปลี่ยนชื่อให้เป็น “ต้นซน” แล้ว) แล้วอีกอย่างคือ ครูป้านรู้ว่าบนเขาวิวสวยมากๆ ไม่อยากให้สามคนนี้พลาดโอกาสดีๆแบบนี้ เพราะเราคงย้อนเวลากลับไปเดินด้วยกันแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว สรุปครูป้านเลยต้องทั้งปลอบทั้งขู่เอาสามคนนี้ขึ้นเขามาด้วยจนได้

บรรยากาศการเดินสนุกสนานดีจริงๆ แนนซี่ที่ทำท่าจะป่วยเมื่อวาน พิชิตยอดเขาเป็นคนแรก ตามมาติดๆด้วยเพชรเล็ก และแบมบี้ และสามคนนี้ลงมาก่อน ครูป้านเลยไม่ได้ทันได้ถ่ายรูปเลย  ต้นไทรฮึกเหิมในช่วงแรก ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนทางที่เค้าไม่ได้มีให้เดิน ต้องตะโกนเรียกลงมา บอกต้นไทรครูป้านไม่อยากใช้ประกัน ลงมาเดี๋ยวนี้ โอมบอกสงสัยครูป้านห่วงบริษัทประกัน ไม่ได้ห่วงต้นไทร ดู๊ดูพูดเข้า!!

พวกเราเดินมั่ง หยุดกินมั่ง หยุดคุยมั่ง หยุดถ่ายรูปมั่ง ไม่รีบเร่ง ถึงแม้อากาศจะหนาว แต่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส สวยงาม แดดจ้า จึงทำให้อบอุ่นขึ้น บวกกับพวกเราใช้พลังงานในการเดิน ก็เลยยิ่งอุ่นขึ้นอีก พอเดินได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มถอดเสื้อกันออกทีละตัว ครูป้านล่ะกลัวจริงจิ๊งๆว่ากว่าจะถึงข้างล่างจะไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวกันเลย…คริคริ

ช่วงแรกๆ 5 หนุ่ม intermediate เดินเป็นกลุ่มก้อนกันดี  (วินไปกับพี่สาวซึ่งในกลุ่มเด็กโต) แต่สักพักใหญ่ๆ โอม กับ ต้นไทร เริ่มรั้งท้าย  มีคะน้าอีกคนที่ระยะไม่ห่างจากโอมกับต้นไทรเท่าไหร่ เดินไปบ่นไป ต้นไทรบอกโดนครูป้านบังคับให้ขึ้นมา ทั้งๆที่พลังงานเธอนั้นมีเหลือเฟือมาก โอมสิน่าเป็นห่วงกว่า เพราะตัวผอมๆ แรงน้อย ส่วนคะน้าก็ถามอยู่นั่นแหละว่าจะถึงหรือยังๆ ครูป้านก็หลอกไปเรื่อยว่าจะถึงแล้ว คะน้าบอก ครูป้านคะ ทำไมทางลงมันถึงได้เดินขึ้นคะ???  ฮาาา

ตูนบ่นเสียดังมาก แต่เดินเร็ว แรงเยอะมาก คือแค่ไม่ค่อยชอบความลำบาก ส่วนเอี๋ยวนี่มีศิลปะในการบ่น คือบ่น งึมงำๆ เบาๆ ได้ยินกันแค่ในหมู่เพื่อน 3-4 คน เสียงไม่กระจายออกมาสู่คนอื่นๆ (ครูป้านดั๊นได้ยินอีก!?!) ฟัดจี้ดูจะอดทนสุดในหมู่เด็กผู้ชาย intermediate

น้ำผึ้งเดินไปถ่ายรูปไป ชื่นชมกับความสวยงาม เลยไม่บ่นเท่าไหร่ (ไม่เหมือนตอนที่ไปกับโฮสต์วันอาทิตย์ เธอมาบ่นให้ฟังว่าเหนื่อยมาก เพราะโฮสต์คงจะเดินเร็วน่ะคะ ไม่ได้เดินๆหยุดๆเหมือนพวกเรา) คนที่ต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลยของเด็กเล็กคือแนนซี่และแบมบี้ แต่ติดอยู่นิดเดียวคือรีบเดินลงไปไม่รอกันเลย ทำให้ครูป้านเป็นห่วงมากอยู่ ช่วงแรกที่ขึ้นมาได้สักครึ่งทาง แบมบี้โชว์ลีลาศิลปินน้อย ขอแวะวาดรูปวิวหน่อย

เด็กโตส่วนมากอดทนอยู่แล้ว เดินนำหน้าไปก่อน จะมีก็เพชรใหญ่ที่ชื่นชมบรรยากาศ ถ่ายรูปไปเรื่อย รั้งท้ายอยู่  ได้ยินเสียงแสตมป์เจ้าเก่าบ่นบ้างประปราย เพราะไม่ชอบเดินแต่ไหนแต่ไร แล้วก็มีพราวที่บ่นหงุมหงิมๆตามสไตล์พราวนั่นแหละ

สรุปแล้วทุกคนก็ Happy กับบรรยากาศความสวยงามบนเขา ค่ะ มีรูปสวยๆมาฝากเยอะเลย

พอลงจากเขา ดูนาฬิกา เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง ได้พักแป๊บเดียว  ต้องรีบเดินเข้า Mt. Munganui downtown ไปดูหนังกันค่ะ รอบบ่ายโมงครึ่ง ไปยังไงหรือคะ ก็เดินสิคะ ไกลทีเดียว น่าจะสัก 1.5 กม.ได้ เห็นไม๊!! พวกเราเหมือนคนกีวี่เข้าไปทุกทีแล้ว เดิน เดิน และเดิน ขืนรอรถเมล์ ก็อีกเป็นชั่วโมงกว่าจะมา แต่ตอนเข้าเมืองนี่ไม่มีใครบ่น ทุกคนกระตือรือร้นมากกก  ครูป้านว่าดีแล้สที่พวกเราได้เดิน  เพราะกินกันขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เดิน ต้องอ้วนมากกลับไปแน่ๆ

เด็กที่ไม่ดูหนัง ถามว่าขอเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม๊ ครูป้านก็โอเค มี มิ๊นท์ เพชรเล็ก พราว วิน แก๊งหมีควาย รวม 9 คน ครูป้านให้ตังค์ไป 67.5 ดอลล่า บอกเอาไปบริหารกันเอง กลุ่มนี้สนุกสนานกับการเดินดูร้านรวงต่างๆ และมารายงานว่าได้ละลายเงินที่ครูป้านให้ที่ Burger King

สรุปว่าเด็กที่ดูหนัง เด็ก intermediate ทั้งหมด (ยกเว้น วินกับคะน้า) เด็กโตก็มี แสตมป์ นุ่น เอ็นดู หลุยส์ ตอนที่ไปถึงโรงหนัง เสียงฟัดจี้บอก โถ่นึกว่าจะใหญ่ โรงหนังที่นี่เล็กจัง!!! ฟัดจี้คงนึกภาพ Major Cineplex บ้านเรา  ก่อนเข้าไปดูหนัง ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายบางคนบ่นหิว (ทั้งๆที่กินทั้ง อาหารกลางวันและอาหารว่างไปแล้ว) ครูป้านบอกใครหิวให้รีบเดินไปหาซื้ออะไรกินก่อน แล้วรีบกลับมา แต่อาจจะพลาดโฆษณาช่วงแรก 10 นาที ไม่มีใครไป เด็กผู้ชายบอกอยากดูโฆษณาที่นี่  ครูป้านจัดแจงซื้อตั๋วให้เสร็จ ก็ปล่อยให้กลุ่มนี้กับครูปุ่น ดูหนังกัน พอดูหนังเสร็จเด็กๆยังพอมีวลาเดินเล่น ก็เดินดูร้านรวงต่างๆไปเรื่อยๆ จนเดินมาเจอกันครบหมดทุกคน  เด็กๆบอกหนังสนุกมาก ยกเว้นต้นไทรที่บอกเฉยๆ ครูปุ่นบอกหนังสนุกมาก แต่ภาษาที่ใช้บางช่วงค่อนข้างยากและเร็ว มีอยู่ฉากนึงที่มีจูบกัน แบมบี้เตรียมปิดตาก่อนเลย ส่วนต้นไทรที่นั่งแถวหน้าคนอื่นหันมาตะโกนเสียงดัง เฮ๊ย!! เด็กห้ามดู เลยโดนฝรั่งดุไปหน่อยนึง

หนูคะน้า (เด็กเล็ก) ที่ไม่อยากดูหนัง ครูป้านเลยเดินเป็นเพื่อนคะน้า เพราะคงไม่สะดวกที่จะให้ไปกับพี่ๆ ครูป้านพาไปกินอาหารไทย ร้านนี้สามีเป็นฝรั่ง ส่วนภรรยาเป็นคนไทย รสชาตก็พอใช้ได้ค่ะ คะน้ามีความสุขมาก กับทอดมันปลาและแกงเขียวหวาน  กินเสร็จครูป้านมอบหมายให้คะน้าเอาอาหารที่เหลือไปให้เค้าห่อ และไปแจ้งให้เค้าคิดเงิน คะน้าไม่ลังเล ไปเจรจาภาษาอังกฤษกับเจ้าของที่เป็นฝรั่ง (ภรรยาคนไทยอยู่หลังร้าน) ภารกิจที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เจ้าของร้านฝรั่งเดินตามมาคุยกับคะน้าต่อที่โต๊ะอาหาร คะน้าก็เล่านู่นเล่านี่ มีอยู่ตอนนึงฝรั่งถามว่า แล้วเพื่อนๆคนอื่นๆไปไหนหมด คะน้าบอก My friends are watching movie ””””””””””””””””Iron Man สอง”””””””””””””””” ฝรั่งทำท่าชะงัก งงนิดหน่อยกับคำสุดท้ายของคะน้า ครูป้านเลยช่วยเสริม Two คะน้าไม่ใช่ สอง!!!

กลุ่มที่ไม่ดูหนังเดินไปเจอร้านอาหารตุรกี ที่มีคนขายเป็นคนไทย ลดแลกแจกแถม แถมรับเงินไทยอีก แหม!! พวกเราไม่พลาด เด็กๆเกือบทุกคน มารุมสั่งอาหารร้านนี้ ซึ่งมีข้าวด้วย ก็แชร์ๆกันกินค่ะ ไม่ถึงกับสั่งคนละจาน โอมกับต้นไทรมีเป้าหมายคือ Fish & Chip ซึ่งเดินเลยไปไกลหน่อย ซื้อมาแชร์กันกิน 1 ชุด ส่วนเอี๋ยว ตูน ฟัดจี้ มีเป้าหมายคือซูชิ

ระหว่างอยู่ที่ร้านอาหารตุรกี มีเด็กหนุ่มคนนึงเดินมาทักครูป้านว่าเป็นคนไทยหรอครับ  คุยกันได้ความว่าหนุ่มคนนี้เรียนวิศวะ ม.เกษตร มาเรียนภาษาอังกฤษที่รร.สอนภาษาที่ Mt. Munganui 6 สัปดาห์ หนุ่มคนนี้ถามว่ามีเด็กสาธิตเกษตรมาบ้างไม๊ครับ ผมเป็นศิษย์เก่าสาธิตเกษตร พอดีไม่มีซะด้วย มีแต่สาธิตจุฬาอยู่ 3 คน หนุ่มคนนี้บอกน้องๆเก่งจัง ต่อไปท่าทางอนาคตจะสดใส ผมสู้ไม่ได้เลย สักพัก แบมบี้กับคะน้า เดินมาหาครูป้าน หนุ่มคนนี้ทำท่าตกใจ นี่น้องเค้าอายุเท่าไหร่ครับ?? ครูป้านบอก 9 ขวบ กับ 10 ขวบ หนุ่มวิศวะบอก น้องเก่งจังและกล้ามาก กว่าผมจะได้มา ปาเข้าไปมหาลัยแล้ว ซึ่งผมว่ามันช้ามาก ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยดีเลย

วันนี้นัดโฮสต์มารับเวลา 17:30 ที่หน้าโรงหนัง  สัก 17:15 โฮสต์ก็เริ่มทยอยมา  โฮสต์ของเอ็นดูกับแสตมป์ที่ชอบมีปัญหาเรื่องมารับช้า วันนี้มารับเป็นคนแรกๆ เอ็นดูกับแสตมป์ ดีใจสุดๆ

3 หนุ่ม บอกครูป้านว่าวันนี้ โฮสต์ต้องทำงาน กลับบ้านดึก แต่เตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้ว ขออนุญาตติดรถครูป้านไปซื้อของที่ Park n Save Supermarket หน้าบ้านครูป้าน แล้วจะนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง  ครูป้านคุยกับบาบาร่า เค้าบอกโอเค โฮสต์ของหมอนุ่นมารับไม่ได้อีกคน  บาบาร่าเลยๆไปส่งหมอนุ่นที่บ้านก่อน  บาบาร่าบอกว่า 3 หนุ่ม ซื้อของเสร็จแล้วจะขับรถไปส่งให้ เด็กๆบอกไม่เป็นไร ขึ้นรถเมล์กลับบ้านเองได้ ครูป้านก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เพราะเป็นผู้ชายทั้ง 3 คน ขึ้นรถเมล์ต่อเดียว และป้ายรถเมล์อยู่หน้าบ้าน สักพักบาบาร่าบอกมีธุระต้องไปทำแถวนั้น ถ้าจะติดรถไป จะไปส่ง 3 หนุ่มให้ที่บ้าน ครูป้านรู้ว่าเค้าโกหก จริงๆแล้วเค้ารู้ว่าครูป้านเกรงใจ ก็เลยใช้มุกนี้แทนจะได้ไปส่งเด็กๆให้  ครูป้าน ครูปุ่น และ 3 หนุ่มไปเดินซื้อขนมที่ Park n Save กัน แล้วก็ซื้อของว่างนิดหน่อยมาให้เด็กๆกินรองท้องไปก่อน

ซื้อของเสร็จพากันเดินกลับมาที่บ้านครูป้าน ได้ยินสามหนุ่มคุยกันเรื่องส่งแฟกซ์ แล้วก็ได้ยินอีกว่า บ้านครูป้านไม่มีเสปร์ย์ด้วยว่ะ ครูป้านก็ไม่ได้สนใจว่าคุยกันเรื่องอะไร สักพักฟลุคบอกไม่ไหวแล้วจะขอส่งแฟกซ์ ครูป้านบอกแฟกซ์อะไรหรอ บ้านนี้ไม่มีแฟกซ์ คือแบบว่าขอเข้าส้วมน่ะครับ ครูป้านถึงบางอ้อ เข้าเลยๆ ไม่เห็นต้องเกรงใจ พอฟลุคปิดประตูห้องน้ำ โฮสต์ครูป้านเดินมาถามว่าพร้อมจะกลับกันหรือยัง ครูป้านบอกขอเวลา 5 นาที เด็กเข้าห้องน้ำอยู่คนนึง คือครูป้านก็พูดไปตามารยาทว่า 5 นาที น่ะค่ะ  เสียงเบนตะโกนไปกดดันฟลุค เฮ้ยฟลุค!! แกมีเวลาแค่ 5 นาที  ฟลุคเสร็จภาระกิจออกมาจากห้องน้ำ ครูปุ่นไม่รู้อีโหน่อีเหน่เดินไปใช้ห้องน้ำต่อ ครูปุ่นผงะออกมาเลย สามหนุ่มหัวเราะกันครืน ฟลุคบอกผมขอเวลา 30 นาที ครับ แล้วครูค่อยไปใช้ห้องน้ำ ฟลุคกำชับว่าอย่าให้เจ้าของบ้านไปใช้ห้องน้ำตอนนี้เด็ดขาด สามหนุ่มกลับไปสักพักใหญ่ๆแล้ว ระหว่างครูปุ่นเอารูปจากกล้องลงเครื่องคอมและเลือกรูปอยู่ ครูป้านเห็นว่าวันนี้รูปเยอะมาก ท่าทางจะใช้เวลานาน เลยขอไปอาบน้ำก่อน ครูปุ่นบอก พี่คะ พี่แน่ใจหรอคะว่าจะเข้าห้องน้ำ  เมื่อกี้ปุ่นไปเข้ามาอีกรอบ กลิ่นยังอยู่เลยค่ะ น้องไม่ได้ทิ้งไว้แค่กลิ่นนะคะ ยังทิ้งร่องรอยการต่อสู้ไว้ด้วย แต่ปุ่นจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ  ทีนี้ครูป้านรู้แล้วว่าทำไมทีแรกฟลุคถึงลังเลในการใช้ห้องน้ำที่นี่  ฟลุค!! คราวหน้าถ้าจะมาอีก บอกล่วงหน้านะ จะซื้อสเปร์ย์ขวดใหญ่มาเตรียมไว้เลย กร๊ากกก!!!

เมื่อคืนครูป้านสลบจากการเดินเหมือนกัน (อย่านึกว่าแน่) เลยไม่ได้เขียนบลอค มาเขียนเช้านี้แทนค่ะ

เช้านี้ 6 องศา หนาวจริงๆ

ห้าหนุ่ม ตูน ต้นไทร ฟัดจี้ เอี๋ยว โอม เมื่อครั้งความรักยังหวานชื่น

ความรักเริ่มมีอุปสรรค

ในที่สุดก็แยกทางกัน

ไม่พักเหนื่อยกันเฉยๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา จึงกินไปด้วยเลย

นี่ก็กินไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย

เพชรใหญ่ กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ ใครจะเดินไปถึงไหน ชั้นไม่สน

แฮ่กๆๆๆๆๆ

ชมรมคนรั้งท้าย

ภาพนี้ถ่ายก่อนจะถึงจุดสูงสุดของภูเขา เป็นภาพย้อนแสงที่ครูป้านชอบมาก

ถ่ายจากจุดสูงสุดของ Mt. Munganui

เจ้าฟลุค หน้าทะเล้น มีเรื่องมาให้ฮา ไม่เว้นแต่ละวัน..

ในที่สุด โอมกับต้นไทร ก็ลงมาจากเขาเป็นคนท้ายสุด…เย้!!!

ด้านหลังคือ Mt. Munganui หลังลงจากเขา เรากำลังเดินมุ่งหน้าสู่ Mt.Munganui downtown

คะน้า มีความสุขในการกินอาหารไทย

ร้านอาหารตุรกี ที่มีคนขายเป็นคนไทย

พี่คนขายคนไทย

ต้นไทรกับโอมนี่เป็นกองหนุน ส่วนคะน้า ไทยแล้วมาต่อตุรกี อีก

หมดในพริบตา

เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำหก!!  กินเรียบไมีมีเหลือ

โอมกับต้นไทร และ Fish & Chip

บรรยากาศที่โรงภาพยนต์

จากซ้าย Host Mother ของต้นไทร, กลาง โฟร์เด็กไทยที่มาเรียน long term ที่นี่, และขวา ต้นไทร

ตอนเลิกเรียน ต้นไทรวิ่งมาบอกครูป้านว่า “น้าป้านครับ ถ้าโฮสต์ผมโทรมาถามน้าป้านว่าผมดีขึ้นหรือยัง น้าป้านบอกเค้าไปเลยนะครับ ว่าผมดีขึ้นแล้ว” ครูป้านงงๆ ถามว่ามีอะไรหรอ ต้นไทรอธิบายต่อ “ก็วันก่อนผมไม่ค่อยสบาย โฮสต์เลยไม่ให้ผมออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะอากาศหนาว ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ อยากเล่น”  อ้อ! อย่างนี้นี่เอง เสียใจด้วยนะต้นไทร โฮสต์ไม่ได้โทรหาครูป้านซะด้วยสิ ไม่รู้ป่านนี้ต้นไทรเป็นไงบ้าง ไม่สบายนี่พอทนไหว แต่ไม่ให้เล่นนอกบ้านนี่..แย่แน่!!