Search
Advertisement
Categories

Archive for the ‘NZ Education Experience 2010’ Category

Week 3 Wednesday 5 May Mount Munganui

ที่ครูป้านบอกว่า พยากรณ์อากาศวันอังคาร อุณหภูมิต่ำสุด 9 สูงสุด 19 องศา พอถึงตอนเช้าอุณหภูมิจริงๆประมาณ 15 องศา ครูป้านคิดว่า 9 องศา คงเป็นตอนกลางคืน

พอวันพุธอุณหภูมิตอนเช้ากลับลงไป 7 องศา อีก  วันพฤหัสฯ ดิ่งลงเหลือ 6 องศา เพราะมีลม หนาวจับใจจริงๆ ครูป้านต้องมาบอกให้เด็กๆเข้าไปอยู่ในห้องเรียนเพราะจะอุ่นกว่ามาก  เวลาอากาศหนาวโรงเรียนจะอนุญาตให้เด็กๆอยู่ในห้องเรียนได้รวมถึงตอนพักทานอาหารด้วย (ตามปกติตอนพัก โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้นักเรียนอยู่ในห้อง และจะลอคห้องด้วย)

วันพุธนี้เป็นวัน Work Day ของ Otumoetai College  โรงเรียนหยุด 1 วัน พวกเราทั้งหมดไป Mount Munganui กัน เรานัดเจอกันที่โรงเรียน คราวนี้ขึ้นรถเมล์สาย 60 ที่หน้าโรงเรียน แล้วไปต่อสาย 2 ที่ในเมือง เป้าหมายของพวกเราคือเดินขึ้นถึงยอดเขา Mt. Munganui (ออกเสียงว่า เม๊า-มัง-กา-นุย) ซึ่งเป็น Landmark ของที่นี่  เด็กบางคน โฮสต์ได้พามาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ เช่น หลุยส์ น้ำผึ้ง เพชรใหญ่ ฟลุค เบน ตูน ตูนมาเที่ยวที่ชายหาดแต่ยังไม่ได้เดินขึ้นเขา สามหนุ่มตั้งใจจะไม่เดินอีกในวันนี้ เพราะได้เดินไปแล้วรอบนึง แต่ทนแรงกดดันจากเพื่อนไม่ไหว เลยต้องเดินรอบสอง แต่ใส่รองเท้าแตะมาเลยไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเท่าไหร่ ส่วนน้ำผึ้งกับหลุยส์ตั้งใจจะเดินอีกรอบ พอจะเริ่มขึ้นเขา โอม คะน้า ต้นไทร บอกไม่อยากเดิน (ขี้เกียจ) จะรออยู่ข้างล่าง ครูป้านมาคิดดู โอมนี่พอจะไว้ใจได้อยู่ ส่วนคะน้านี่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ครูป้านไม่กล้าทิ้งไว้แน่ คนสุดท้ายคือต้นไทร เจ้าตัวแสบของครูป้าน ไม่น่าไว้วางใจสุดๆเพราะซนมากอยู่ (ครูป้านเปลี่ยนชื่อให้เป็น “ต้นซน” แล้ว) แล้วอีกอย่างคือ ครูป้านรู้ว่าบนเขาวิวสวยมากๆ ไม่อยากให้สามคนนี้พลาดโอกาสดีๆแบบนี้ เพราะเราคงย้อนเวลากลับไปเดินด้วยกันแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว สรุปครูป้านเลยต้องทั้งปลอบทั้งขู่เอาสามคนนี้ขึ้นเขามาด้วยจนได้

บรรยากาศการเดินสนุกสนานดีจริงๆ แนนซี่ที่ทำท่าจะป่วยเมื่อวาน พิชิตยอดเขาเป็นคนแรก ตามมาติดๆด้วยเพชรเล็ก และแบมบี้ และสามคนนี้ลงมาก่อน ครูป้านเลยไม่ได้ทันได้ถ่ายรูปเลย  ต้นไทรฮึกเหิมในช่วงแรก ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนทางที่เค้าไม่ได้มีให้เดิน ต้องตะโกนเรียกลงมา บอกต้นไทรครูป้านไม่อยากใช้ประกัน ลงมาเดี๋ยวนี้ โอมบอกสงสัยครูป้านห่วงบริษัทประกัน ไม่ได้ห่วงต้นไทร ดู๊ดูพูดเข้า!!

พวกเราเดินมั่ง หยุดกินมั่ง หยุดคุยมั่ง หยุดถ่ายรูปมั่ง ไม่รีบเร่ง ถึงแม้อากาศจะหนาว แต่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส สวยงาม แดดจ้า จึงทำให้อบอุ่นขึ้น บวกกับพวกเราใช้พลังงานในการเดิน ก็เลยยิ่งอุ่นขึ้นอีก พอเดินได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มถอดเสื้อกันออกทีละตัว ครูป้านล่ะกลัวจริงจิ๊งๆว่ากว่าจะถึงข้างล่างจะไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวกันเลย…คริคริ

ช่วงแรกๆ 5 หนุ่ม intermediate เดินเป็นกลุ่มก้อนกันดี  (วินไปกับพี่สาวซึ่งในกลุ่มเด็กโต) แต่สักพักใหญ่ๆ โอม กับ ต้นไทร เริ่มรั้งท้าย  มีคะน้าอีกคนที่ระยะไม่ห่างจากโอมกับต้นไทรเท่าไหร่ เดินไปบ่นไป ต้นไทรบอกโดนครูป้านบังคับให้ขึ้นมา ทั้งๆที่พลังงานเธอนั้นมีเหลือเฟือมาก โอมสิน่าเป็นห่วงกว่า เพราะตัวผอมๆ แรงน้อย ส่วนคะน้าก็ถามอยู่นั่นแหละว่าจะถึงหรือยังๆ ครูป้านก็หลอกไปเรื่อยว่าจะถึงแล้ว คะน้าบอก ครูป้านคะ ทำไมทางลงมันถึงได้เดินขึ้นคะ???  ฮาาา

ตูนบ่นเสียดังมาก แต่เดินเร็ว แรงเยอะมาก คือแค่ไม่ค่อยชอบความลำบาก ส่วนเอี๋ยวนี่มีศิลปะในการบ่น คือบ่น งึมงำๆ เบาๆ ได้ยินกันแค่ในหมู่เพื่อน 3-4 คน เสียงไม่กระจายออกมาสู่คนอื่นๆ (ครูป้านดั๊นได้ยินอีก!?!) ฟัดจี้ดูจะอดทนสุดในหมู่เด็กผู้ชาย intermediate

น้ำผึ้งเดินไปถ่ายรูปไป ชื่นชมกับความสวยงาม เลยไม่บ่นเท่าไหร่ (ไม่เหมือนตอนที่ไปกับโฮสต์วันอาทิตย์ เธอมาบ่นให้ฟังว่าเหนื่อยมาก เพราะโฮสต์คงจะเดินเร็วน่ะคะ ไม่ได้เดินๆหยุดๆเหมือนพวกเรา) คนที่ต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลยของเด็กเล็กคือแนนซี่และแบมบี้ แต่ติดอยู่นิดเดียวคือรีบเดินลงไปไม่รอกันเลย ทำให้ครูป้านเป็นห่วงมากอยู่ ช่วงแรกที่ขึ้นมาได้สักครึ่งทาง แบมบี้โชว์ลีลาศิลปินน้อย ขอแวะวาดรูปวิวหน่อย

เด็กโตส่วนมากอดทนอยู่แล้ว เดินนำหน้าไปก่อน จะมีก็เพชรใหญ่ที่ชื่นชมบรรยากาศ ถ่ายรูปไปเรื่อย รั้งท้ายอยู่  ได้ยินเสียงแสตมป์เจ้าเก่าบ่นบ้างประปราย เพราะไม่ชอบเดินแต่ไหนแต่ไร แล้วก็มีพราวที่บ่นหงุมหงิมๆตามสไตล์พราวนั่นแหละ

สรุปแล้วทุกคนก็ Happy กับบรรยากาศความสวยงามบนเขา ค่ะ มีรูปสวยๆมาฝากเยอะเลย

พอลงจากเขา ดูนาฬิกา เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง ได้พักแป๊บเดียว  ต้องรีบเดินเข้า Mt. Munganui downtown ไปดูหนังกันค่ะ รอบบ่ายโมงครึ่ง ไปยังไงหรือคะ ก็เดินสิคะ ไกลทีเดียว น่าจะสัก 1.5 กม.ได้ เห็นไม๊!! พวกเราเหมือนคนกีวี่เข้าไปทุกทีแล้ว เดิน เดิน และเดิน ขืนรอรถเมล์ ก็อีกเป็นชั่วโมงกว่าจะมา แต่ตอนเข้าเมืองนี่ไม่มีใครบ่น ทุกคนกระตือรือร้นมากกก  ครูป้านว่าดีแล้สที่พวกเราได้เดิน  เพราะกินกันขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เดิน ต้องอ้วนมากกลับไปแน่ๆ

เด็กที่ไม่ดูหนัง ถามว่าขอเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม๊ ครูป้านก็โอเค มี มิ๊นท์ เพชรเล็ก พราว วิน แก๊งหมีควาย รวม 9 คน ครูป้านให้ตังค์ไป 67.5 ดอลล่า บอกเอาไปบริหารกันเอง กลุ่มนี้สนุกสนานกับการเดินดูร้านรวงต่างๆ และมารายงานว่าได้ละลายเงินที่ครูป้านให้ที่ Burger King

สรุปว่าเด็กที่ดูหนัง เด็ก intermediate ทั้งหมด (ยกเว้น วินกับคะน้า) เด็กโตก็มี แสตมป์ นุ่น เอ็นดู หลุยส์ ตอนที่ไปถึงโรงหนัง เสียงฟัดจี้บอก โถ่นึกว่าจะใหญ่ โรงหนังที่นี่เล็กจัง!!! ฟัดจี้คงนึกภาพ Major Cineplex บ้านเรา  ก่อนเข้าไปดูหนัง ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายบางคนบ่นหิว (ทั้งๆที่กินทั้ง อาหารกลางวันและอาหารว่างไปแล้ว) ครูป้านบอกใครหิวให้รีบเดินไปหาซื้ออะไรกินก่อน แล้วรีบกลับมา แต่อาจจะพลาดโฆษณาช่วงแรก 10 นาที ไม่มีใครไป เด็กผู้ชายบอกอยากดูโฆษณาที่นี่  ครูป้านจัดแจงซื้อตั๋วให้เสร็จ ก็ปล่อยให้กลุ่มนี้กับครูปุ่น ดูหนังกัน พอดูหนังเสร็จเด็กๆยังพอมีวลาเดินเล่น ก็เดินดูร้านรวงต่างๆไปเรื่อยๆ จนเดินมาเจอกันครบหมดทุกคน  เด็กๆบอกหนังสนุกมาก ยกเว้นต้นไทรที่บอกเฉยๆ ครูปุ่นบอกหนังสนุกมาก แต่ภาษาที่ใช้บางช่วงค่อนข้างยากและเร็ว มีอยู่ฉากนึงที่มีจูบกัน แบมบี้เตรียมปิดตาก่อนเลย ส่วนต้นไทรที่นั่งแถวหน้าคนอื่นหันมาตะโกนเสียงดัง เฮ๊ย!! เด็กห้ามดู เลยโดนฝรั่งดุไปหน่อยนึง

หนูคะน้า (เด็กเล็ก) ที่ไม่อยากดูหนัง ครูป้านเลยเดินเป็นเพื่อนคะน้า เพราะคงไม่สะดวกที่จะให้ไปกับพี่ๆ ครูป้านพาไปกินอาหารไทย ร้านนี้สามีเป็นฝรั่ง ส่วนภรรยาเป็นคนไทย รสชาตก็พอใช้ได้ค่ะ คะน้ามีความสุขมาก กับทอดมันปลาและแกงเขียวหวาน  กินเสร็จครูป้านมอบหมายให้คะน้าเอาอาหารที่เหลือไปให้เค้าห่อ และไปแจ้งให้เค้าคิดเงิน คะน้าไม่ลังเล ไปเจรจาภาษาอังกฤษกับเจ้าของที่เป็นฝรั่ง (ภรรยาคนไทยอยู่หลังร้าน) ภารกิจที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เจ้าของร้านฝรั่งเดินตามมาคุยกับคะน้าต่อที่โต๊ะอาหาร คะน้าก็เล่านู่นเล่านี่ มีอยู่ตอนนึงฝรั่งถามว่า แล้วเพื่อนๆคนอื่นๆไปไหนหมด คะน้าบอก My friends are watching movie ””””””””””””””””Iron Man สอง”””””””””””””””” ฝรั่งทำท่าชะงัก งงนิดหน่อยกับคำสุดท้ายของคะน้า ครูป้านเลยช่วยเสริม Two คะน้าไม่ใช่ สอง!!!

กลุ่มที่ไม่ดูหนังเดินไปเจอร้านอาหารตุรกี ที่มีคนขายเป็นคนไทย ลดแลกแจกแถม แถมรับเงินไทยอีก แหม!! พวกเราไม่พลาด เด็กๆเกือบทุกคน มารุมสั่งอาหารร้านนี้ ซึ่งมีข้าวด้วย ก็แชร์ๆกันกินค่ะ ไม่ถึงกับสั่งคนละจาน โอมกับต้นไทรมีเป้าหมายคือ Fish & Chip ซึ่งเดินเลยไปไกลหน่อย ซื้อมาแชร์กันกิน 1 ชุด ส่วนเอี๋ยว ตูน ฟัดจี้ มีเป้าหมายคือซูชิ

ระหว่างอยู่ที่ร้านอาหารตุรกี มีเด็กหนุ่มคนนึงเดินมาทักครูป้านว่าเป็นคนไทยหรอครับ  คุยกันได้ความว่าหนุ่มคนนี้เรียนวิศวะ ม.เกษตร มาเรียนภาษาอังกฤษที่รร.สอนภาษาที่ Mt. Munganui 6 สัปดาห์ หนุ่มคนนี้ถามว่ามีเด็กสาธิตเกษตรมาบ้างไม๊ครับ ผมเป็นศิษย์เก่าสาธิตเกษตร พอดีไม่มีซะด้วย มีแต่สาธิตจุฬาอยู่ 3 คน หนุ่มคนนี้บอกน้องๆเก่งจัง ต่อไปท่าทางอนาคตจะสดใส ผมสู้ไม่ได้เลย สักพัก แบมบี้กับคะน้า เดินมาหาครูป้าน หนุ่มคนนี้ทำท่าตกใจ นี่น้องเค้าอายุเท่าไหร่ครับ?? ครูป้านบอก 9 ขวบ กับ 10 ขวบ หนุ่มวิศวะบอก น้องเก่งจังและกล้ามาก กว่าผมจะได้มา ปาเข้าไปมหาลัยแล้ว ซึ่งผมว่ามันช้ามาก ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยดีเลย

วันนี้นัดโฮสต์มารับเวลา 17:30 ที่หน้าโรงหนัง  สัก 17:15 โฮสต์ก็เริ่มทยอยมา  โฮสต์ของเอ็นดูกับแสตมป์ที่ชอบมีปัญหาเรื่องมารับช้า วันนี้มารับเป็นคนแรกๆ เอ็นดูกับแสตมป์ ดีใจสุดๆ

3 หนุ่ม บอกครูป้านว่าวันนี้ โฮสต์ต้องทำงาน กลับบ้านดึก แต่เตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้ว ขออนุญาตติดรถครูป้านไปซื้อของที่ Park n Save Supermarket หน้าบ้านครูป้าน แล้วจะนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง  ครูป้านคุยกับบาบาร่า เค้าบอกโอเค โฮสต์ของหมอนุ่นมารับไม่ได้อีกคน  บาบาร่าเลยๆไปส่งหมอนุ่นที่บ้านก่อน  บาบาร่าบอกว่า 3 หนุ่ม ซื้อของเสร็จแล้วจะขับรถไปส่งให้ เด็กๆบอกไม่เป็นไร ขึ้นรถเมล์กลับบ้านเองได้ ครูป้านก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เพราะเป็นผู้ชายทั้ง 3 คน ขึ้นรถเมล์ต่อเดียว และป้ายรถเมล์อยู่หน้าบ้าน สักพักบาบาร่าบอกมีธุระต้องไปทำแถวนั้น ถ้าจะติดรถไป จะไปส่ง 3 หนุ่มให้ที่บ้าน ครูป้านรู้ว่าเค้าโกหก จริงๆแล้วเค้ารู้ว่าครูป้านเกรงใจ ก็เลยใช้มุกนี้แทนจะได้ไปส่งเด็กๆให้  ครูป้าน ครูปุ่น และ 3 หนุ่มไปเดินซื้อขนมที่ Park n Save กัน แล้วก็ซื้อของว่างนิดหน่อยมาให้เด็กๆกินรองท้องไปก่อน

ซื้อของเสร็จพากันเดินกลับมาที่บ้านครูป้าน ได้ยินสามหนุ่มคุยกันเรื่องส่งแฟกซ์ แล้วก็ได้ยินอีกว่า บ้านครูป้านไม่มีเสปร์ย์ด้วยว่ะ ครูป้านก็ไม่ได้สนใจว่าคุยกันเรื่องอะไร สักพักฟลุคบอกไม่ไหวแล้วจะขอส่งแฟกซ์ ครูป้านบอกแฟกซ์อะไรหรอ บ้านนี้ไม่มีแฟกซ์ คือแบบว่าขอเข้าส้วมน่ะครับ ครูป้านถึงบางอ้อ เข้าเลยๆ ไม่เห็นต้องเกรงใจ พอฟลุคปิดประตูห้องน้ำ โฮสต์ครูป้านเดินมาถามว่าพร้อมจะกลับกันหรือยัง ครูป้านบอกขอเวลา 5 นาที เด็กเข้าห้องน้ำอยู่คนนึง คือครูป้านก็พูดไปตามารยาทว่า 5 นาที น่ะค่ะ  เสียงเบนตะโกนไปกดดันฟลุค เฮ้ยฟลุค!! แกมีเวลาแค่ 5 นาที  ฟลุคเสร็จภาระกิจออกมาจากห้องน้ำ ครูปุ่นไม่รู้อีโหน่อีเหน่เดินไปใช้ห้องน้ำต่อ ครูปุ่นผงะออกมาเลย สามหนุ่มหัวเราะกันครืน ฟลุคบอกผมขอเวลา 30 นาที ครับ แล้วครูค่อยไปใช้ห้องน้ำ ฟลุคกำชับว่าอย่าให้เจ้าของบ้านไปใช้ห้องน้ำตอนนี้เด็ดขาด สามหนุ่มกลับไปสักพักใหญ่ๆแล้ว ระหว่างครูปุ่นเอารูปจากกล้องลงเครื่องคอมและเลือกรูปอยู่ ครูป้านเห็นว่าวันนี้รูปเยอะมาก ท่าทางจะใช้เวลานาน เลยขอไปอาบน้ำก่อน ครูปุ่นบอก พี่คะ พี่แน่ใจหรอคะว่าจะเข้าห้องน้ำ  เมื่อกี้ปุ่นไปเข้ามาอีกรอบ กลิ่นยังอยู่เลยค่ะ น้องไม่ได้ทิ้งไว้แค่กลิ่นนะคะ ยังทิ้งร่องรอยการต่อสู้ไว้ด้วย แต่ปุ่นจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ  ทีนี้ครูป้านรู้แล้วว่าทำไมทีแรกฟลุคถึงลังเลในการใช้ห้องน้ำที่นี่  ฟลุค!! คราวหน้าถ้าจะมาอีก บอกล่วงหน้านะ จะซื้อสเปร์ย์ขวดใหญ่มาเตรียมไว้เลย กร๊ากกก!!!

เมื่อคืนครูป้านสลบจากการเดินเหมือนกัน (อย่านึกว่าแน่) เลยไม่ได้เขียนบลอค มาเขียนเช้านี้แทนค่ะ

เช้านี้ 6 องศา หนาวจริงๆ

ห้าหนุ่ม ตูน ต้นไทร ฟัดจี้ เอี๋ยว โอม เมื่อครั้งความรักยังหวานชื่น

ความรักเริ่มมีอุปสรรค

ในที่สุดก็แยกทางกัน

ไม่พักเหนื่อยกันเฉยๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา จึงกินไปด้วยเลย

นี่ก็กินไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย

เพชรใหญ่ กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ ใครจะเดินไปถึงไหน ชั้นไม่สน

แฮ่กๆๆๆๆๆ

ชมรมคนรั้งท้าย

ภาพนี้ถ่ายก่อนจะถึงจุดสูงสุดของภูเขา เป็นภาพย้อนแสงที่ครูป้านชอบมาก

ถ่ายจากจุดสูงสุดของ Mt. Munganui

เจ้าฟลุค หน้าทะเล้น มีเรื่องมาให้ฮา ไม่เว้นแต่ละวัน..

ในที่สุด โอมกับต้นไทร ก็ลงมาจากเขาเป็นคนท้ายสุด…เย้!!!

ด้านหลังคือ Mt. Munganui หลังลงจากเขา เรากำลังเดินมุ่งหน้าสู่ Mt.Munganui downtown

คะน้า มีความสุขในการกินอาหารไทย

ร้านอาหารตุรกี ที่มีคนขายเป็นคนไทย

พี่คนขายคนไทย

ต้นไทรกับโอมนี่เป็นกองหนุน ส่วนคะน้า ไทยแล้วมาต่อตุรกี อีก

หมดในพริบตา

เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำหก!!  กินเรียบไมีมีเหลือ

โอมกับต้นไทร และ Fish & Chip

บรรยากาศที่โรงภาพยนต์

จากซ้าย Host Mother ของต้นไทร, กลาง โฟร์เด็กไทยที่มาเรียน long term ที่นี่, และขวา ต้นไทร

ตอนเลิกเรียน ต้นไทรวิ่งมาบอกครูป้านว่า “น้าป้านครับ ถ้าโฮสต์ผมโทรมาถามน้าป้านว่าผมดีขึ้นหรือยัง น้าป้านบอกเค้าไปเลยนะครับ ว่าผมดีขึ้นแล้ว” ครูป้านงงๆ ถามว่ามีอะไรหรอ ต้นไทรอธิบายต่อ “ก็วันก่อนผมไม่ค่อยสบาย โฮสต์เลยไม่ให้ผมออกไปเล่นนอกบ้าน เพราะอากาศหนาว ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ อยากเล่น”  อ้อ! อย่างนี้นี่เอง เสียใจด้วยนะต้นไทร โฮสต์ไม่ได้โทรหาครูป้านซะด้วยสิ ไม่รู้ป่านนี้ต้นไทรเป็นไงบ้าง ไม่สบายนี่พอทนไหว แต่ไม่ให้เล่นนอกบ้านนี่..แย่แน่!!

Week 3 at Schools 1

เดี๋ยวนี้เด็กๆกินอาหารกลางวันกับเพื่อนที่หน้าห้องเรียนกันแล้วค่ะ

2 สาว ยุ้ย และเฟร์น นี่ป่วยตอนเช้าวันจันทร์  แต่ให้กินยาแล้วก็ดีขึ้นค่ะ ไม่ต้องไปหาหมอ น่าจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยน และน้องแต่งกายไม่อบอุ่นพอ 

หลุยส์นี่่เป็นสุดยอดกีฬาทุกประเภท

ที่ College การถ่ายรูปในห้องเรียนค่อนข้าางทำได้ยาก เพราะประตูห้องเรียนไม่สามารถเปิดจากด้านนอกได้ ต้องให้คนที่อยู่ด้านในเปิด  บางครั้งคุณครูก็มาเปิดให้ บางครั้งนักเรียนก็มาเปิดให้ บางครั้งก็ไม่มีใครมาเปิดให้เลยค่ะ โดยเฉพาะที่อาคาร F, G, H ซึ่งเป็นอาคารเรียนวิชา Maths, Language, Social Study, Business คุณครูกำลังตั้งใจสอน นักเรียนก็กำลังตั้งใจเรียน  เราจะรู้สึกว่าเข้าไปทำลายสมาธิของทุกคน เกรงใจมากๆ สัปดาห์นี้เด็กบางคนได้เวียนมาเรียนที่อาคารอื่น ก็จะสามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้บ้างค่ะ

Week 3 has started

เราเริ่มสัปดาห์ที่ 3 ด้วยอุณหภูมิ 7 องศา  เมื่อกี้ครูป้านดูข่าวพยากรณ์อากาศพรุ่งนี้อุณหภูมิต่ำสุด 9 สูงสุด 19 องศา อุ่นขึ้นกว่าวันนี้นิดนึง

เดือนเมษายน เป็นฤดู Autumn ที่อยู่ในช่วงปลาย Summer  คนที่นี่บอกว่าเมษาปีนี้อากาศอบอุ่นกว่าทุกปี  จะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเด็กบางคนไม่ใส่เสื้อหนาวตอนกลางวัน เพราะอุณหภูมิประมาณ 20-21 องศา แล้วเด็กๆวิ่งเล่น ไม่อยู่เฉย เลยไม่หนาว แต่เด็กเล็กไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการใส่เสื้อกันหนาว เห็นใส่กันมาทุกวัน จะมีถอดบ้างตอนกลางวันที่อากาศอุ่นขึ้น ต่างกับเด็กโตที่มีหลายคนไม่ใส่เสื้อกันหนาว แถมใส่ขาสั้น และรองเท้าแตะ  ตอนออกจากบ้านเช้านี้  ครูป้านรู้สึกห่วงเด็กโตมาก กลัวจะไม่ใส่เสื้อกันหนาวกันมา เพราะอากาศหนาวมาก บางทีตอนอยู่ในบ้านอาจจะไม่รู้ว่าข้างนอกหนาว พอได้เห็นทุกคนใส่เสื้อกันหนาวก็ค่อยเบาใจ แต่บางคนก็ยังไม่กล้าหยิบเสื้อกันหนาวตัวหนามาใส่  ยุ้ยกับเฟิร์นไม่ค่อยสบาย บอกเมื่อคืนหนาวมาก ยุ้ยมีไข้นิดหน่อย แต่ไม่มีอาการอย่างอื่น ส่วนเฟิร์นก็เจ็บคอแต่ไม่มีไข้ ครูปุ่นให้กินยาและพาไปนอนพักในห้องพยาบาล ช่วงบ่วยก็ดูดีขึ้น

ที่ intermediate วันนี้ครูป้านออกกฎห้ามมานั่งกินข้าวกับเด็กไทยด้วยกัน หลายคนที่่สามารถทำตัวกลมกลืนไปกับเด็กกีวี่ได้เลย แต่ก็มีบางคนที่ยังเก้ๆกังๆอยู่  เห็นคนที่ยังไม่ค่อยมั่นใจก็แอบสงสารอยู่ รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องทำ ก็เพื่อความสำเร็จของเด็กๆนั่นแหละค่ะ  เด็กๆที่มาคราวนี้ทุกคนภาษาอังกฤษจัดว่าดีทีเดียว ครูป้านได้รับคำชมจากคุณครูประจำชั้นเสมอๆว่าเด็กไทยกรุ๊ปนี้ภาษาอังกฤษดี  วันก่อนที่ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทั้งคนขับ Jet Boat และ นักบินถามกับบาบาร่าว่าเด็กกรุ๊ปนี้มาจากไหน บาบาร่าตอบว่ามาจากเมืองไทย เค้าถามต่อว่าเข้าใจภาษาอังกฤษไม๊ เพราะต้องฟังกฎกติกาต่างๆ บาบาร่าบอก เด็กภาษาอังกฤษดี คุณแจ้งกฎต่างๆกับเด็กได้เลย  นักบินพอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ก็เล่าใหญ่ว่าไปมาแล้วสามครั้งชอบมากโดยเฉพาะเชียงใหม่

เนื่องจากดู background เรื่องพื้นฐานภาษาอังกฤษของเด็กมาแล้ว ครูป้านจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องจัดชั้นเรียนภาษาอังกฤษให้เด็กมากนัก เพราะจะทำให้เด็กมารวมกลุ่มกับเด็กไทยมากเกินไป  แต่การทำเช่นนี้ก็จะสร้างแรงกดดันให้เด็กพอควร เพราะต้องเรียนและใช้ชีวิตเหมือนเด็กที่นี่เลย  เด็กบางคนที่เคยมากับ KAS ในทริปก่อนก็อาจจะรู้สึกแปลกๆที่คราวนี้แทบไม่มีเวลาได้เรียนกับเด็กไทยด้วยกันเลย บางทีก็มีบ่นบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเด็กๆก็ปรับตัวได้ และประโยชน์ก็ตกอยู่ที่ตัวเด็กๆเอง

เย็นนี้ครูป้านพาไปเล่นโบว์ลิ่ง ตามที่สัญญากันไว้  ครูป้านจ่ายให้ 2 เกม ยุ้ยกับเฟิร์นต้องรีบหายป่วย เพราะกลัวพลาดโบว์ลิ่งเย็นนี้ เด็กโตเดินมารวมกันที่ intermediate ทุกคนมาพร้อมเราก็ออกเดินทางไปป้ายรถเมล์ที่ ถนน Matua ระยะทางที่ต้องเดินไปนั้นไกลพอควร ประมาณ 1.5 กม. ครูป้านแจ้งระยะทางให้เด็ฏๆทราบ และบอกว่าถ้าใครไม่อยากเดินอนุญาติให้กลับบ้านได้ (โหด) ไม่มีใครกลับบ้านค่ะ ตั้งหน้าตั้งเดินไม่มีใครบ่น  คือถ้าเราขึ้นป้ายหน้าโรงเรียนต้องขึ้น 2 ต่อ เปลืองเงิน และเสียเวลา เพราะรถวิ่งอ้อม 

เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงปลายทาง ป้ายรถเมล์ที่นี่อยู่ห่างกันมากค่ะ ไม่ถี่เหมือนบ้านเรา พอลงรถเราก็ต้องเดินไปโบว์ลิ่งอีกสัก 400 เมตร  ถึงโบว์ลิ่งเด็กๆ ไม่รอช้ารีบจัดทีม และเบิกรองเท้ากัน

เรานัดโฮสต์ให้มารับตอนหกโมงเย็น  ประมาณ 17:45 โฮสต์ก็เริ่มทยอยมา บรรยากาศชื่นมื่นมากเย็นนี้

  ทีมแรก เลน 3 = เอ๊๋ยว โอม ตูน ต้นไทร ฟัดจี้

 ทีมสอง เลน 4 = แสตมป์ นุ่น หลุยส์ เอ็นดู มิ๊นท์ พราว เพชรเล็ก

 ทีมสาม เลน 5 = แบมบี้ คะน้า น้ำผึ้ง แนนซี่ ครูปุ่น ครูป้าน

 ทีมสุดท้าย เลน 6 = เพชรใหญ่ ฟลุค เบน ยุ้ย เฟิร์น วิน

 ขออุบไว้ก่อนว่าทีมไหนชนะเลิศ ครูป้านจะประกาศทีเดียววันเสาร์นี้บนรถโคชที่เราจะไปเที่ยวโรโตรัวกัน ตอนนั้นทุกคนจะอยู่พร้อมเพรียงกันหมด และมีไมโครโฟนด้วยค่ะ  รอลุ้นนะคะ!!

เด็กโตมาเจอกันที่ intermediate

คุณนายละเอียดตรวจนับเงินทอน ที่คนขับรถเมล์ทอนมาให้ ไม่รู้นิ้วมือที่มีอยู่จะพอนับหรือเปล่า

ไม่รู้เสี่ยตูนจะเล่นกายกรรม หรือเล่นโบวลิ่งกันแน่

ลีลาเหลือร้าย ลูกใครดูกันเอง

หลังจากล้างท่อมานาน คราวนี้แนนซี่ strike ดีใจสุดๆ

ท่าทางโอมกับเอี๋ยว จะเมา Fish & Chip

ภาพนี้ เหมือนคนนึงโกรธ อีกคนนึง งอนง้อ

เพชรเล็ก โกรธเคืองอะไรครูป้าน ก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้

ทีมนี้เล่นเสร็จช้าที่สุด เพราะมัวแต่ห่วงกิน โฮสต์มารับแล้วยังเล่นไม่จบเกมเลย

ลุ้นคะแนนกันใหญ่

สามคนนี้ ชี้ไปที่ต้นไทร และเสียงที่ออกจากปากคือ “โกง”

เฟิร์น จับกบ ตัวโตๆ

รูปนี้ขาดฟลุคกับเฟิร์น เพราะออกไป supermarket ข้างนอก