เหตุเกิดจาก Ripstik
วันนี้ครูป้านขอข้ามเรื่องราวของ Movie World ไปก่อนนะคะ เนื่องจากมีเรื่องตื่นเต้น วันนี้เรามีนัดกันที่ Botanic Garden ตอน 9 โมงเช้า แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันแม่ หลายๆบ้านมีกิจกรรมวันแม่ เช่น มีคุณยายมาที่บ้านและทานอาหารกัน บางบ้านคุณแม่บอกวันนี้จะไม่ทำอะไรเลยจะให้ลูกๆบริการรับใช้แม่ทุกอย่าง หรือบางบ้านเดินทางไปหาคุณยาย ซึ่งครูป้านได้บอกเด็กๆทุกคนว่าถ้าที่บ้านใครมีกิจกรรมวันแม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมา Botanic Garden เพราะจริงๆแล้วมันก็แค่ครึ่งวันเอง ครูป้านอยากให้เด็กๆปฏิบัติตัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเค้า วันนี้จึงมีเด็กๆมาทั้งหมด 11 คน คือ ต้นไทร เอย หลุยส์ หยก บิวตี้ ปริม แพรว แสตมป์ ฟ้า เบล โม
ต้นไทรกับเอยนั้นโฮสต์พามาส่งที่บ้านครูป้านเนื่องจากบ้านครูป้านอยู่ใกล้ Botanic Garden และโฮสต์ไปทำธุระอย่างอื่น หลุยส์ หยก บิวตี้ มากับ Host mother ของหยกกับบิวตี้ ส่วนปริม แพรว แสตมป์ ฟ้า มาด้วยกัน เบลโฮสต์พากันมาทั้งครอบครัว โมโฮสต์ก็มากันทั้งครอบครัวเช่นกัน
เอยนำลูกฟุตบอลมาด้วย ส่วนต้นไทรนำลูกรักบี้มา เด็กๆเริ่มเล่นโยนลูกรักบี้กันก่อน ต่อด้วยการเล่นลิงชิงบอล จากนั้นโฮสต์ของเบลนำ Ripstik 2 อัน นำมาให้เด็กๆเราลองเล่นกัน คนที่ลองเล่นคือ ปริม ต้นไทร แพรว เอย แสตมป์ ส่วนคนที่ไม่ได้เล่นก็เป็นกองเชียร์บ้าง ไปเล่นอย่างอื่นกันบ้าง สักพักก็ได้เวลาทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นครูป้านชวนเด็กๆไปเดินเล่นในป่ากัน พอกลับออกมาเด็กๆก็มาเล่น Ripstik กันต่อ เด็กๆที่มีความมุ่งมั่นในการเล่นนั้นคือคนที่ซื้อ Ripstik มาแล้วและคนที่กำลังจะซื้อ
เหตุเกิดจาก Ripstik
ครูป้านเตือนแล้วเตือนอีกว่าให้เล่นด้วยความระมัดระวัง ปริมล้มเป็นคนแรก ก็ถลอกปอกเิปิกไปพอสมควรค่ะ คนต่อมาคือเอย (ซึ่งกำลังอยากจะซื้อ) เอยล้มไปแล้วครั้งนึง เอามือขวาลง ครูป้านบอกไม่ให้เล่นแล้ว ด้วยความค้างคาใจเอยอยากลองอีกที คราวนี้ล้มเหมือนเดิมและเอามือขวาลงเหมือนเดิมเช่นกัน เที่ยงเศษๆเราก็ต่างกลับบ้านกัน
เอยกับต้นไทรต้องไปอยู่กับครูป้านถึงเย็นเพราะโฮสต์มีธุระ เอยบ่นเจ็บแต่ยังขยับมือได้และยกแขนได้ วิกกี้พาพวกเราแวะ Woolworths ครูป้านเลยได้โอกาสพา 2 คนนี้ไปซื้อเจ้าหลอดยอดนิยม เอยซื้อมาฝากเบลด้วยเพราะรู้ว่าเบลอยากได้เหมือนกัน
พอถึงบ้านวิกกี้ วิกกี้นำยามาพ่นให้เอยและพันผ้าไว้ เด็กๆ 2 คนทานอาหารกัน (ไม่รู้มื้อไหน) ครูป้านสังเกตดูตอนเอยทานอาหาร เอยหนีบแขนข้างที่เจ็บไว้แนบตัว ซึ่งวิกกี้บอกว่าอาการเหมือนลูกชายของวิกกี้ตอนที่เล่นเสก็ตบอร์ดแล้วล้ม แล้วมาทั้งทานอาหารทำท่าหนีบๆแขนไว้แบบนี้ สุดท้ายลูกวิกกี้ต้องไปโรงพยาบาลและเข้าเฝือก จากนั้นเอยก็มานั่งเล่น hi5 ที่เครื่องคอมของวิกกี้ ส่วนต้นไทรเล่นเกมที่เครื่องคอมครูป้าน ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ลองแกะผ้าที่พันไว้ดู เอยยังปวดเหมือนเดิมและบวมขึ้นมานิดหน่อย ครูป้านกับวิกกี้เลยตัดสินใจพาไปหาหมอ วันนี้เป็นวันอาทิตย์คลีนิคปิด จึงต้องไปโรงพยาบาล พอดีว่าโฮสต์ต้นไทรกลับมาบ้านแล้ว เราจึงไปส่งต้นไทรที่บ้านก่อน แล้วก็พาเอยไปหาหมอที่ Caloundra Hospital
ไปถึงโรงพยาบาลตอนเกือบ 4 โมงเย็น ตรงไปที่แผนกฉุกเฉิน ลงทะเบียนเสร็จ นั่งรอ 1 ชั่วโมงจึงได้ X-ray และรอพบหมออีกเกือบชั่วโมง เนื่องจากคนไข้เยอะพอสมควร ระหว่างรอ เอยคุยเจื้อยแจ้วไม่หยุด เล่านู่นเล่านี่ตลอดเวลา แถมสั่งให้ครูป้านถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ ทำให้ครูป้านใจชื้นว่าเอยไม่เป็นอะไรมาก ถ้าเอยเจ็บมากครูป้านก็คงหัวใจสลายเหมือนกัน พนักงานที่โรงพยาบาลพูดจาดีมาก ให้การต้อนรับอบอุ่นทุกคน เจ้าหน้าที่ x-ray (เสื้อสีชมพู) มาคุยกับพวกเราอยู่นาน เล่าว่าเคยไปเมืองไทยมา ชอบเมืองไทยมาก เค้าแซวเอยว่าใช้บริการของรัฐบาลออสเตรเลียครบทุกอย่างทั้ง Education และ Health Care และให้กำลังใจเอยว่าเป็นเด็กที่กล้าหาญมาก
เมื่อได้พบหมอ หมอแนะนำตัวเองสัมผัสมือกับพวกเราทุกคน (ระหว่างนั้นครูป้านขออนุญาตคุณหมอถ่ายรูป) คุณหมอบอกว่ากระดูกที่หลังมือแตก ต้องเข้าเฝือกเพื่อไม่ให้กระดูกมันแตกต่อไปเรื่อยๆ และเพื่อให้กระดูกประสานกันได้ดี ครูป้านกับเอยตกใจพอสมควรไม่คิดว่าถึงขนาดต้องเข้าเฝือก คุณหมออธิบายว่าตอนนี้ต้องใช้แบบ Half plaster ไป 1 สัปดาห์ เพื่อให้เลือดหมุนเวียนได้ตามปกติ หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนเป็น Full plaster (ซึ่งก็กลับเมืองไทยพอดี) คุณหมอให้ฟิล์ม x-ray มาด้วย เพื่อที่เอยจะได้นำกลับมารักษาต่อที่เมืองไทยได้ เข้าเฝือกเสร็จก็เกือบ 1 ทุ่ม วิกกี้บอกกับครูป้านว่า I can read your mind. You want him to stay overnight with you tonight, aren’t you! ครูป้านต้องขอบคุณวิกกี้จริงๆที่เข้าใจ เรามุ่งตรงไปที่บ้านเอย ซึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาล ไปเอาเสื้อผ้า ตอนนั้นโฮสต์เอยยังไม่กลับมา มีแต่ลูกสาวคนโตอยู่บ้าน พอเรากลับถึงบ้านของวิกกี้โฮสต์เอยก็โทรมาถามข่าวคราวด้วยความห่วงใย ครูป้านลงมือทำกับข้าวเองเพราะเกรงใจวิกกี้ที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เอยคงหิวมากเพราะ 2 ทุ่มกว่าแล้วทานเยอะมาก ครูป้านเอยทานยาแก้ปวด 1 เม็ด ตอนนี้เอยหลับไปแล้ว ครูป้านจึงได้มาเขียน Blog ค่ะ ก่อนนอนเอยออกตัวว่านอนไม่ดิ้น (โชคดีไป) แบมบี้กับสิชานอนดิ้นมากค่ะ (ขอบอก)
ครูป้านเชื่อว่า พวกเราทุกคนจะเป็นกำลังใจให้เอยหายเร็วๆ นะคะ
รวมภาพประจำสัปดาห์
ขอเริ่มต้นด้วยการเผาใครบางคน
ครูป้าน: ไม่ได้สระผมมากี่วันแล้วเนี่ย
???: ครูป้านรู้ได้ไงอ่ะ (ทำหน้าฉงนมาก)
ครูป้าน: โห..ก็หลักฐานมันฟ้องขนาดนั้น
วันอาทิตย์นี้เป็นวันแม่ วันศุกร์คุณครูจึงให้เด็กๆทุกห้องทำการ์ดวันแม่กันค่ะ เด็กเราหลายคนก็ทำแล้วเก็บไว้ให้คุณแม่ที่เมืองไทย (ปลื้ื้มซะไม่มี) ปรินกับแบมบี้โชว์ผลงานโดดเด่นมากค่ะ
บิวตี้เวลาเห็นครูป้านปลอบใจคนที่คิดถึงบ้าน บิวตี้จะบอกว่า ครูป้านขา หนูก็ร้องไห้ค่ะ (ตอนแรกครูป้านก็หลงเชื่อ) คือหนูร้องไห้เพราะอยากซื้อของที่ห้างน่ะค่ะ
มีเรื่องน่ารักของต้นไทรมาเล่าให้ฟัง ปกติต้นไทรจะเรียกครูป้านว่าน้าป้าน เพราะคุ้นเคยกันมานาน เรียนที่ KAS ตั้งแต่ 3 ขวบกว่า และไปต่างประเทศกับครูป้านตั้งแต่ 8 ขวบ ตอนนี้ 10 ขวบค่ะ วันก่อนต้นไทรไปเดินซื้อของกับครูป้าน ต้นไทรซื้อไอศรีมโคนเดินกิน ครูป้านเห็นแล้วก็บ่นอยากกิน ต้นไทรถามว่าอยากกินแล้วทำไมไม่กินล่ะครับ คือน้าูป้านกลัวอ้วนน่ะต้นไทร
สักพักครูป้านเดินไปเจอ New Zealand Icecream 97% Fat Free ครูป้านเดินรี่เข้าไปสั่งทันที ต้นไทรทำหน้าสงสัย
ต้นไทร: แล้วน้าป้านไม่กลัวอ้วนเหรอครับ
ครูป้าน: ไม่กลัวครับ เพราะมัน 97% Fat Free
ต้นไทร: นั่นสิ แล้วทำไมน้าป้านถึงไม่กลัวอ้วน
ครูป้าน: ก็มัน 97% Fat Free
ต้นไทร: มันหมายความว่าไงเหรอครับ
ครูป้าน: มันหมายความว่าลดไขมันลงไป 97%
ต้นไทร: อ๋ออออ!! ผมนึกว่ามันให้ไขมันมาฟรีๆ 97%
ครูป้านกับต้นไทร: กร้ากกกกกกกก
เรื่องสุดท้ายของวันนี้คือ โมกับเรตีไข่แตกตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ได้ใช้เงินซื้อของแล้วค่ะ โมพอซื้อของที่ SeaWorld รีบบอกครูป้านว่าครูป้านหักเงินหนูไม่ได้แล้วนะคะ ครูป้านทำหน้างง ก็ครูป้านบอกว่าถ้าหนูไม่ใช้เงินจะหักเงินหนู ตอนนี้หนูซื้อของแล้วค่ะ (คือตอนนั้น ครูป้านกลัวโมจะเครียดน่ะค่ะ ก็เลยอยากให้ซื้ออะไรที่อยากได้บ้าง) เอ..หรือครูป้านทำให้โมเครียดมากขึ้น ส่วนเรตอนที่เพื่อนไปซื้อบิลลาบองกัน เรไม่ซื้อ (แต่เก็บข้อมูล) แล้วดอดไปซื้อกับโฮสต์หลังจากนั้นค่ะ
ที่เหลือครูป้านปล่อยให้ดูรูปแล้วจินตนาการกันเอาเองนะคะ
หนุ่มน้อยคนนี้ทั้งหน้าตาดีและนิสัยดี มีเด็กๆเราแอบปลื้มอยู่หลายคน ไม่บอกหรอกว่าเป็นใคร เดี๋ยวครูป้านโดนสะกรำ เพราะตอนนี้เด็กๆหลายคนเป็นแฟน Blog เหมือนกัน
ชีวิตเด็กมัธยม
ปกติครูป้านจะไม่ค่อยมีรูปฝั่งมัธยมเท่าไหร่ ส่วนมากที่ถ่ายไว้จะเป็นตอนที่เจอกันตอนเช้าก่อนโรงเรียนเข้า กับหลังเลิกเรียน และตอนเรียนภาษาอังกฤษกับ Mrs. Woodโรงเรียนมัธยมใหญ่มากค่ะ ไปทีไรก็หลงทุกทีขนาดว่ากาง Map อ่าน บางทีเด็กฝรั่งเห็นเงอะๆงะๆก็เข้ามาถามประมาณว่า ป้าๆมีไรให้ช่วยไม๊ หลงทางหรือเปล่า เด็กเราเองทุกวันนี้ก็ยังหลงทางอยู่เลย
ฝั่งมัธยมมีอาคารเรียนเยอะมาก รูปที่ถ่ายมานี่เป็นแค่บางส่วนเท่านั้นนะคะ ในแต่ละอาคารก็จะมีห้องเรียนมากมาย เวลาเรียนจะปิดประตูห้องเรียน บางอาคารเป็นประตูเหล็กทึบๆ มองไม่เห็นข้างใน เวลาจะเข้าไปถ่ายรูปต้องเคาะประตูและขออนุญาตคุณครู ทุกคนที่กำลังเรียนอยู่ก็จะหันมามองกันหมด บางทีเปิดประตูมา อ้าวเคาะผิดห้อง โธ่ถัง!!
แสตมป์บอกให้ครูป้านมาถ่ายตอนชั่วโมงคณิตศาสตร์เพราะทำคะแนนได้ดี แต่ห้ามถ่ายตอน Science เพราะนั่งหลับ
โม..เวลาครูป้านไปถ่ายรูปก็จะอายๆตามสไตล์โม เห็นขี้อายแบบนี้ แต่มั่นใจน๊า วันก่อนไม่ได้มาเรียนอังกฤษกับ Mrs. Wood แต่ไปเรียนกับบัดดี้แทน บอกวันนี้มีเรียนวิชาที่ชอบ ใครไม่ไปก็อย่าไป โมไม่สน
ส่วนแพรว คยั้นคยอให้ครูป้านไปถ่ายในชั่วโมงภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้มีอะไร สงสัยไปแอบปิ๊งใครอยู่ บอกมาซะดีๆ แพรว